
26/07/2024
^^******** “สถานการณ์น้ำ” ประจำวันที่ 26 ก.ค. 2567 เวลา 7.00 น **************^^^^
1) สถานการณ์ในภาพรวม
1.1) กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง
-ส่วนในช่วงวันที่ 27 – 30 ก.ค. 67 จะมีร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
-อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “แคมี” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) และขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 24 – 26 ก.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้ไว้ด้วย
1.2) จังหวัดที่ประสบอุทกภัย 28 จังหวัด ดังนี้
-จังหวัดที่ เข้าสู่สภาวะปกติ 20 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำปางฉะเชิงเทรา ระยอง สระบุรี พะเยา น่าน นครปฐม สุพรรณบุรี อุตรดิตถ์ ภูเก็ต ชลบุรี ลพบุรี ระนอง แพร่ เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ตราด พิจิตร พิษณุโลก
- จังหวัดที่ประสบอุทกภัย 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ จันทบุรี พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี กาญจนบุรี
หมายเหตุ : -วันที่ 16 ก.ค 67 เวลา 17.00 น :: อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ อำเภอบรบือ จ.มหาสารคาม ซึ่งอยู่ระหว่างการปรีบปรุงอาคารน้ำล้น (spillway) เมื่อเกิดฝนตกหนักสะสมปริมาณมวลน้ำมากเอ่อล้น อาคารระบายน้ำล้นเสียหาย ปริมาณน้ำได้กัดเซาะทำนบดืนฝั่งซ้าย-ขวา ปัจจุบัน โครงการฯ มหาสารคาม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาซ่อมแซมโดย นำ gabion ป้องกันทำนบดินสำหรับป้องกันความเสียหาย
1.3) สถานีอุทกวิทยาที่มีระดับน้ำล้นตลิ่ง ได้แก่ -
1.4) ปริมาณฝนสะสมปี 2567 ตั้งแต่ 1 มค 67 - ปัจจุบัน เปรียบเทียบ 30 ปี((ภาพรวมน้อยกว่าค่าเฉลี่บ 30 ปี / ปี 2534 -2563 ))
-ทั้งประเทศ ปริมาณฝนสะสม ผลต่างจากค่าเฉลี่ย ปกติ -61 มม คิดเป็น -9%
-ภาคเหนือ ปริมาณฝนสะสม ผลต่าง จากค่าเฉลี่ยปกติ -51 มม คิดเป็น -15%
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริมาณฝนสะสม ผลต่างจากค่าเฉลี่ยปกติ 24 มม คิดเป็น 4 %
-ภาคกลาง ปริมาณฝนสะสม ผลต่างจากค่าปกติ -54 มม (-10 %)
-ภาคตะวันออก ปริมาณฝนสะสม ผลต่าง จากค่าเฉลี่ยปกติ 31 มม คิดเป็น 4 %
-ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ปริมาณฝนสะสม ผลต่างจากค่าเฉลี่ยปกติ -230 มม (-36%)
-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ปริมาณฝนสะสม ผลต่างจากค่าปกติ -166 มม (-16%)
1.5) ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนอ่างขนาดใหญ่ (Inflow)
- 1 พย 66 - ปัจจุบัน “อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ” น้ำไหลลง = 12,155 ล้าน ลบ.ม
- 1 พย 66 -ปัจจุบัน “ “อ่างเก็บน้ำ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (4 เขื่อน)”” น้ำไหลลง = 3,970 ล้าน ลบ.ม.
1.6) สถานการณ์ค่าความเค็ม
-ค่าความเค็มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อผลิตน้ำประปา 0.25 กรัม/ลิตร ที่จุดเฝ้าระวังสถานีประปาสำแล = ...0.12…กรัม/ลิตร “ ปกติ/ไม่เกินเกณท์เฝ้าระวังทำน้ำประปา)””
- ค่าความเค็มในลุ่มน้ำปราจีน-บางประกงเกณฑ์มาตรฐาน (ไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร) ที่จุดเฝ้าระวังสถานีบางแตน..= ....0.08… ..กรัม/ลิตร (ปกติ/ไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำทำการเกษตร)
- ค่าความเค็มในแม่น้ำท่าจีน เกณฑ์เฝ้าระวังกล้วยไม้ (ไม่เกิน 0.75 กรัม/ลิตร) ที่จุดเฝ้าระวังปากคลองจินดา =.....0.28…กรัม/ลิตร (ปกติ/ ไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้)
- ค่าความเค็มในแม่น้ำแม่กลองเกณฑ์เฝ้าระวัง (ไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร)อยู่ในเกณฑ์ปกติ ที่จุดเฝ้าระวังสถานีอัมพวา = ..N.A… กรัม/ลิตร (ปกติ/ ไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวังเกษตร)
2) ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำเก็บกัก ใน 4 เขื่อนหลักปัจจุบัน มีน้ำเก็บกัก = 9,742 (39%) และมีน้ำใช้การ 4 เขื่อน (2567) = 3,046 ล้าน ลบ ม (17%) ((น้ำใช้การวันนี้ ปี 2566= 3,072 ล้าน ลบ.ม (17%)
-ซึ่งการระบายน้ำวันนี้ เขื่อนภูมิพลระบายน้ำ 12 ล้าน ลบ.ม, สิริกิติ์ 8.0 ล้าน ลบ.ม แควน้อย 4.32 ล้านลบ ม.และ ป่าสักชลสิทธิ์ 0.87 ล้าน ลบ.ม
3) ปริมาณน้ำเก็บกักทั้งประเทศ(อ่างขนาดใหญ่+กลาง) วันนี้ ปี 2567 = 39,450 ล้านลบ ม. (52%) ขณะที่น้ำเก็บกักทั้งประเทศ วันนี้ ปี 2566 = 38,477 ล้าน ลบ.ม (50%) ; ปี 67 น้อยกว่า ปี 66 = 973 ล้านลบ ม
-วันนี้มีปริมาณน้ำใช้การ = 15,508 ล้าน ลบ.ม (30%) สามารถรับน้ำได้อีก 36,887 (48%)
-ภาคเหนือ ปริมาณน้ำเก็บกัก วันนี้ ปี 2567 = 10,629 ล้านลบ ม. (41%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคเหนือ วันนี้ ปี 2566 = 10,634 ล้าน ลบ.ม (41%) ; ปี 67 น้อยกว่า ปี 66 วันนี้ = 5 ล้าน ลบ ม.
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันนี้ ปี 2567 = 4,895 ล้านลบ ม.(47%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันนี้ ปี 2566 = 4,963 ล้าน ลบ.ม (48%) (ปี 67 น้อยกว่า ปี 66 วันนี้ = 68 ล้าน ลบ ม
-ภาคกลาง วันนี้ ปี 2567 = 441 ล้านลบ ม. (24%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคกลางวันนี้ ปี 2566 = 400 ล้าน ลบ.ม (22%) ; ปี 67 น้อยกว่า 66 = 41 ล้าน ลบ ม
-ภาคตะวันตก วันนี้ ปี 2567 = 17,392 ล้านลบ ม. (65%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคตะวันตก วันนี้ ปี 2566 = 16,679 ล้าน ลบ.ม (62%) ; ปี 67 มากกว่า ปี 66 = 713 ล้าน ลบ ม
-ภาคตะวันออก วันนี้ ปี 2567 = 1,157 ล้านลบ ม. (46%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคตะวันออก วันนี้ ปี 2566 = 1,014 ล้าน ลบม (40%) ; ปี 67 น้อยกว่า ปี 66 = 143 ล้าน ลบ ม.
-ภาคใต้ วันนี้ ปี 2567 = 4,936 ล้าน ลบ ม. (55%) ขณะที่น้ำเก็บกักภาคใต้วันนี้ ปี 2566 = 4,787 ล้าน ลบ.ม (54%) : ปี 67 มากกว่า ปี 66 = 149 ล้าน ลบ ม.
@.อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ปริมาตรน้ำใช้การ น้ำน้อย !! < = 30% จำนวน 15 แห่ง ได้แก่ กระเสียว (15%) คลองสียัด (15%) สิริกิติ์ (21%) แม่ม่อก (17%) ปราณบุรี (15%) จุฬาภรณ์ (20%) ป่าสัก (12%) อุบลรัตน์ (19%) สิรินธร (25%) แควน้อย (19%) น้ำพุง (20%) ภูมิพล (14%) ลำตะคอง (21%) ศรีนครินทร์ (29%) แก่งกระจาน (30%)
@ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ปริมาตรน้ำใช้การ 31-50% จำนวน 14 แห่ง ได้แก่ ทับเสลา (44%) ลำแซะ (32%) มูลบน (34%) ห้วยหลวง (38%) แม่กวง (39%) ลำนางรอง (48%) กิ่วคอหมา (32%) หนองปลาไหล (47%) บางลาง (41%) ลำพระเพลิง (44%) กิ่วลม (44%) ลำปาว (38%) บางพระ (32%) ขุนด่านปราการชล (36%) นฤบดินทรจินดา (32%) วชิราลงกรณ (32%)
@อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ปริมาตรน้ำใช้การ!! มากกว่า 51%-80% (เกณฑ์น้ำดี!) รวม 4 แห่ง ได้แก่ แม่งัด (57%) ประแสร์ (70%) น้ำอูน (57%) รัชประภา (52%)
@ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ปริมาตรน้ำใช้การ มากกว่า 81% (เกณฑ์น้ำดีมาก!) รวม 0 แห่ง ได้แก่ -
@“อ่างเก็บน้ำขนาดกลางความจุ < =30% จำนวน 67 อ่างดังนี้
-อ่างภาคเหนือ < 30 % จำนวน 4 อ่าง
-อ่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ < 30 % จำนวน 20 อ่าง
-อ่างภาคตะวันออก < 30% จำนวน 14 อ่าง
- อ่างภาคกลาง < 30 % จำนวน 7 อ่าง
- อ่างภาคตะวันตก 30-50% จำนวน 126 อ่าง (จากอ่างขนาดกลางทั้งหมด 435 อ่าง)
- อ่างภาคเหนือ จำนวน 20 อ่าง
-อ่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 63 อ่าง
- อ่างภาคตะวันออก จำนวน 15 อ่าง
- อ่างภาคกลาง จำนวน 11 อ่าง
- อ่างภาคตะวันตก จำนวน 5 อ่าง
- อ่างภาคใต้ จำนวน 12 อ่าง
@ อ่างขนาดกลาง >50-80% จำนวน 178 อ่าง
- อ่างภาคเหนือ 48 อ่าง
- อ่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 98 อ่าง
- อ่างภาคตะวันออก 14 อ่าง
- อ่างภาคกลาง 7 อ่าง
- อ่างภาคตะวันตก 0 อ่าง
- อ่างภาคใต้ 11 อ่าง
@ อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง>80-100% รวม 42 อ่าง
- อ่างภาคเหนือ 7 แห่ง
- อ่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28 อ่าง
- อ่างภาคตะวันออก 5 แห่ง
- อ่างภาคกลาง 2 แห่ง
-ภาคตะวันตก 0 แห่ง
- ภาคใต้ 0 แห่ง
@ อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง > 100% รวม 22 อ่าง
-อ่างภาคเหนือ 1 แห่ง
-อ่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 แห่ง
-อ่างภาคตะวันตก 0 แห่ง
-อ่างภาคตะวันออก 4 แห่ง
-อ่างภาคใต้ 0 แห่ง
-อ่างภาคกลาง 0 แห่ง
@ แผนการจัดสรรน้ำทั้งประเทศ ฤดฝน ปี 2567 (1 พค. 67 - 31 ต.ค. 67)
- ปริมาณน้ำต้นทุน ณ 1 พค 67 = 41,765 ล้าน ลบ ม
- ปริมาณน้ำใช้การ 1 พ.ค. 67 = 17,826 ล้าน ลบ.ม
-ความต้องการใช้น้ำ = 36,090 ล้าน ลบ.ม
- แผนจัดสรรน้ำฤดูฝน 2567 = 14,821 ล้าน ลบ.ม ได้แก่
- อุปโภค-บริโภค = 1,411 ล้าน ลบ.ม (10%)
- รักษาระบบนิเวศ= 6,266 ล้าน ลบ.ม (42%)
- เกษตรกรรม = 6,924 ล้าน ลบ.ม. (47%)
- อุตสาหกรรม= 220 ล้าน ลบ.ม (1%)
@ ผลการจัดสรรน้ำทั่วประเทศ ฤดูฝนใน ปี 2567 (1 พ.ค. 67- ปัจจุบัน) ใช้ไปแล้ว 10,004 ล้าน ลบ.ม คิดเป็น 65% คงเหลือ 5,296 ล้าน ลบ.ม ( คิดเป็น 35%)
@ แผนการจัดสรรน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฤดูฝนปี 2567 (1 พค 67 - 31 ต.ค. 2567)
-ปริมาณน้ำเก็บกัก 1 พ.ค. 67 = 11,256 ล้าน ลบ.ม
- ปริมาณน้ำใช้การ 1 พ.ค. 67 = 4,560 ล้าน ลบ.ม
- ความต้องการใช้น้ำ = 10,286 ล้าน ลบ ม
- แผนจัดสรรน้ำ ฤดูฝน 2567 = 4,949 ล้าน ลบ.ม ได้แก่
- อุปโภค-บริโภค = 565 ล้าน ลบ.ม (11%)
- รักษาระบบนิเวศ= 1,519 ล้าน ลบ.ม (31%)
- อุตสาหกรรม= - ล้าน ลบ.ม
-เกษตรกรรม = 2,865 ล้าน ลบ ม (58%)
@ ผลการจัดสรรน้ำเจ้าพระยาฤดูฝน 2567 (1 พ.ค. 67- ปัจจุบัน) ใช้ไปแล้ว 3,561 ล้าน ลบ.ม คิดเป็น 72% คงเหลือ 1,389 ล้าน ลบ.ม (28%)
@ การปลูกข้าวนาปี ทั้งประเทศ 2567
-แผน 17.01 ล้านไร่
- ผล 13.27 ล้านไร่ (78%)
-เก็บเกี่ยว - ล้านไร่
@ การปลูกข้าวนาปี ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2567
- แผน 8.09 ล้านไร่
- ผล 7.17 ล้านไร่ (89%)
-เก็บเกี่ยว - ล้านไร่
หมายเหตุ : ข้อมูลจากศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยา
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
จัดทำโดย: ฝ่ายยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ, ส่วนยุทธศาสตร์, สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน
“(สรุป เป็นครั้งที่ 2,366 ครั้ง)”