Clicky

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบ

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบ รับแจ้งเหตุ เบาะแส เรื่องราวร้องทุ?

เปิดเหมือนปกติ

🔸วันที่ 25 พ.ย.65 เวลา 13.00 น. ♦️พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย  ผบก.สอท.4 /หัวหน้าคณะทำงานด้านที่ 4 บช.สอท./รอง หน.ชป.TICAC ...
13/12/2022

🔸วันที่ 25 พ.ย.65 เวลา 13.00 น.

♦️พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 /หัวหน้าคณะทำงานด้านที่ 4 บช.สอท./รอง หน.ชป.TICAC ศพดส.ตร.

ได้รับการคัดเลือกจาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้รับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ “บุคคลากรที่ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว” ประจำปี 2565 เนื่องในวัน ขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงฯ เป็นผู้แทน

📍ณ ห้องประชุม ชฎาแกรนด์ รร.บางกอกชฎา กทม.

13/12/2022

📢 กลต.เตือน ระวังถูกหลอก! ฉุกคิดให้ดี เมื่อถูกชักชวน 'ซื้อหุ้น'ร่วมลงทุน
▶️ปัจจุบันในยุคที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงโลกออนไลน์ และใช้โซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
!!!! แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้ามาชักชวนให้ระดมทุนด้วยการโฆษณาชวนเชื่อประกาศขายหุ้นออกสื่อโซเชียลที่แพร่หลายในวงกว้างได้เหมือนกัน

!!!อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นที่ประกาศชักชวนทางออนไลน์นั้น กลต. ชวนรู้เท่าทันการลงทุน เบื้องต้น 3 เรื่อง ดังนี้
1.รู้เท่าทัน เกณฑ์การขายหุ้น
กรณีเป็นบริษัทจำกัด ไม่สามารถชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นได้ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1102* และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัดนั้น มีมติพิเศษให้เพิ่มทุน กรรมการของบริษัทมีหน้าที่ต้องเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ถ้าผู้ถือหุ้นเดิมคนใดไม่ซื้อ ผู้ถือหุ้นเดิมจะซื้อหุ้นนั้น หรือกรรมการจะซื้อไว้เองก็ได้ จะเสนอขายให้บุคคลภายนอกไม่ได้ ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1222*
👉ในกรณีที่ต้องการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้าง จะต้องเป็นบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) และต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนภายใต้ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) คือ ต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และมีหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน

2.รู้เท่าทัน ลักษณะการชักชวนที่ต้องระวัง
หากการชักชวนให้ลงทุนด้วยการซื้อหุ้นนั้น พ่วงมากับการเสนอผลตอบแทนหรือเงินปันผลสูงเกินจริง เช่น 12% ต่อเดือน หรือ 20% ต่อเดือน และยังการันตีผลตอบแทนเพราะหากพิจารณาตามหลักความเป็นจริง แม้แต่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตราสารทุนยังให้ผลตอบแทน
เฉลี่ยราว 10% ต่อปี1เท่านั้น เมื่อมีการเสนอผลตอบแทนหรือปันผลถึง 20% ต่อเดือน หรือ 240% ต่อปี ต้องฉุกคิดไว้ก่อนว่า เป็นไปได้หรือไม่ นำรายได้มาจากไหน เพราะไม่แน่ว่า อาจจะเป็นการนำรายได้จากผู้ที่มาทีหลังจ่ายให้ผู้ที่มาก่อนตามสไตล์แชร์ลูกโซ่
แน่นอนว่า ผู้ชักชวนจะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการไปจดทะเบียนบริษัทไว้ก่อน โพสต์ภาพความสำเร็จหรือผลงานออกสื่อ พาตัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่สื่อ สร้างสตอรี่ผ่านภาพให้เห็นการขยายธุรกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นแพทเทิร์นที่เห็นได้บ่อยครั้งในการจูงใจ
👉5 รูปแบบชักชวนลงทุนที่มักจะมาใช้จูงใจ
ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น 12% ต่อเดือน หรือ 20% ต่อเดือน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้
การันตีผลตอบแทน ซึ่งการลงทุนทั่วไปมักจะไม่สามารถการันตีให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงที่แน่นอนได้
เร่งรัดให้ตัดสินใจ อ้างว่าจะตกขบวน เพราะใคร ๆ ก็ลงทุน
แอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ธุรกิจไม่ชัดเจน จับต้องไม่ได้ เน้นขายหุ้นระดมทุนมากกว่าการทำธุรกิจจริง
✋หากพบการชักชวนที่เข้าข่ายรูปแบบ 5 ข้อดังกล่าว ต้องระวังให้มากอย่าเพิ่งหลงเชื่อเด็ดขาด
3.รู้เท่าทันและช่องทางตรวจสอบ
เมื่อถูกชักชวนหรือพบเบาะแสการชักชวนประชาชนทั่วไปให้ซื้อหุ้น ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัท บุคคล และผลิตภัณฑ์ (หุ้น) ที่มาเสนอขายว่าได้รับอนุญาตหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. หรือไม่ ได้ทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หรือทาง เว็บไซต์ www.sec.or.th หากไม่พบรายชื่อ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะมาด้วยความไม่หวังดี นอกจากนี้ ยังตรวจสอบรายชื่อผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังที่หมวด Investor Alert ได้อีกทางหนึ่งด้วย และถ้าหากอ้างว่าลงทุนแล้ว จะได้รับใบหุ้นด้วย ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ใบหุ้นนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และมีชื่อในรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นหรือไม่ เพราะเพียงได้ใบหุ้นมา ยังไม่ได้การันตีว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว หากไม่มีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น ใบหุ้นที่ถืออยู่อาจไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมายปกป้องตนเองจากการถูกหลอก ด้วยการสังเกตและฉุกคิด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยจากบทเรียนภัยกลโกงที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เมื่อถูกชักชวนให้ลงทุนหรือซื้อหุ้น อย่าเพิ่งหลงเชื่อ
#เพราะการตกขบวนไม่น่ากลัวเท่าการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
---------------------------------------------
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
แจ้งเบาะแส ปรึกษา โทร 1441 หรือโทร 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com
---------------------------------------------

Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  บช.สอท. - CCIB's post
13/12/2022

Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB's post

11/12/2022

ถ้าโดนข่มขู่ อย่าเพิ่งกลัว ให้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน

11/12/2022

❌จะไปต่อ....หรือพอแค่นี้ !

11/12/2022

📣เตือนภัย 💸แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเก็บภาษีย้อนหลัง

11/12/2022

👉ตั้งสติให้ดี อย่ากลัวถ้าคุณไม่ได้ทำ

11/12/2022

👉 เบอร์ขึ้นต้นด้วย + จะรับสายต้องดูให้ดี

11/12/2022

👉 สรรพากรโทรมา อย่าเพิ่งตกใจ
.
🔴 ขอข้อมูลเพิ่มเติม และคิดดี ๆ แล้วติดต่อกลับภายหลัง

10/12/2022

พริตตี้ - เน็ตไอดอล รับงานดูให้ดีนะคะ เพราะถ้ารับงานโปรโมทให้ลักษณะเป็นการชักชวนเล่นกานพนันแล้วหละก็มีความผิดโทษถึงจำคุกเลยนะคะ ด้วยความเป็นห่วงค่ะ

==========================
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.com/

10/12/2022

👉ติดพนันแหละ ดูออก

10/12/2022

อย่าพึ่งลงทุนตามโฆษณา ถ้าไม่รู้จุดสังเกตุที่ต้องเอ๊ะก่อนลงทุน

1.แอบอ้างชื่อ ภาพ โลโก้หน่วยงาน บริษัท หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือในการโฆษณาชวนเชื่อ โดยที่เพจหรือโฆษณาดังกล่าวไม่ใช่เพจหรือเว็บไซท์จริงของหน่วยงานนั้น

2.เสนออัตราผลตอบแทนการลงทุนที่จูงใจและสูงเกินจริง ยิ่งผลตอบแทนสูงมากและยังได้มาง่ายๆด้วยนั้นยิ่งเสี่ยงที่จะเป็นมิจฉาชีพมากขึ้น

3.ที่มาของผลตอบแทนที่สูงๆเหล่านั้น ไม่ชัดเจนว่ารายได้เหล่านั้นมาจากแหล่งไหนกันแน่

3.ช่องทางการติดต่อส่วนใหญ่เป็นการคลิกเข้าสู่ แชท messenger ไม่มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่างชัดเจน

ถ้าเห็นโฆษณาหลอกลงทุน ไม่ต้องคลิก ไม่ต้องแชร์ แล้วก็กด report ปิดกั้นการมองเห็นพวกมันไปเลย อย่าลืมเตือนให้คนใกล้ตัวได้รู้ด้วยนะคะ อ้อ ที่สำคัญอย่าลืมแชร์โพสนี้ด้วยค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเรานะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

==========================
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.com/

10/12/2022
10/12/2022

ทริค❗ยกระดับความปลอดภัย ช้อปออนไลน์แบบไม่เสี่ยง
เพื่อให้การช้อปปิ้งออนไลน์มีความปลอดภัยมากขึ้น

1. เลือกเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ปลอดภัย : ต้องเลือกร้านค้าบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันซื้อขายออนไลน์ที่ มีชื่อเสียง ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ

2. หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะชำระเงิน : การชำระเงินออนไลน์ควรเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือ หรือ เลือกเชื่อมต่อ Wi-Fi บ้านจะดีที่สุด หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่าน Wi-Fi ฟรีสาธารณะ เพราะเสี่ยงมากต่อการถูกแฮกบัญชีธนาคาร

3. เช็คข้อความ หรือ ใบเสร็จบัตรเครดิตอยู่เสมอ : ควรสมัครการแจ้งเตือนจากธนาคารผ่านแอปพลิเคชัน จะได้ตรวจสอบว่ามีการใช้จ่ายเงินออกจากบัญชี

4. เปลี่ยนพาสเวิร์ดชำระเงินเดือนละครั้ง : ควรหมั่นทำการเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ อาจจะทุก ๆ 30-60 วัน รวมถึงควรตั้งรหัสผ่านชำระเงินที่คาดเดาได้ยาก หลีกเลี่ยงการตั้งรหัสผ่านด้วยวันเดือนปีเกิด หรือตัวเลขที่ปรากฏตามหน้าบัตรประชาชน

5. ผูกบัญชีธนาคารที่ไม่ใช่ธนาคารหลัก : ควรเป็นบัญชีธนาคารที่ไม่มีเงินนอนอยู่ในบัญชี หากต้องการช้อปปิ้งค่อยโอนเงินจากบัญชีอื่นเข้ามาไว้ให้พอดีกับค่าสินค้าและค่าบริการ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการถูกดูดเงินในบัญชีออกไปโดยไม่รู้ตัว

------------------------------------------------------
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
แจ้งเบาะแส หรือสอบถาม โทร 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com
-----------------------------------------------------

10/12/2022

❗️❗️แก๊งคอลเซ็นเตอร์❗️❗️ กับสารพัดวิธีในการโทรหลอกหากิน ช่วงหลังแก๊งนี้หวนกลับมาใช้มุขเดิมอ้างเป็นตำรวจ สภ.ต่างๆ โทรหาเหยื่ออ้างว่าโทรจากศุลกากร หรือหน่วยงานราชการอื่นๆ ได้อายัดพัสดุจากบริษัทขนส่งจากต่างประเทศไว้ตรวจสอบ ข้างในมีสิ่งของผิดกฏหมายพยายามปั่นหัวเหยื่อให้หวาดกลัวจะโดนตั้งข้อหาฟอกเงิน มีโทษหนักติดคุกและโดนอายัดทรัพย์สินจนสิ้นเนื้อประดาตัว และให้เหยื่อแอดไลน์แชทคุย ตัดต่อรูปทำบัตรตำรวจปลอมขู่ด้วย
“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” มีพฤติกรรมทั้งขอแอดไลน์ หรือส่ง SMS ซึ่งหากคนกดเข้าไปตามที่คนร้ายบอก คนร้ายก็จะฝังโปรแกรมเข้าในมือถือของเหยื่อ แล้วดูดเอาข้อมูลต่างๆโดยเฉพาะแอปธนาคาร แล้วทำธุรกรรมทางการเงินของเหยื่อ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งบัญชีโดยที่เราไม่รู้ตัว

🛃ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการพัฒนาก้าวหน้าใช้โทรศัพท์ผ่านช่องทาง VOIP หรือชื่อเต็ม Voice Over Internet Protocol เป็นระบบการส่งสัญญาณการโทรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแทนการใช้ระบบโทรศัพท์แบบเดิม สามารถส่งเสียงและภาพได้ที่สำคัญคือหมายเลขที่ปรากฎในโทรศัพท์มือถือของผู้รับสายจะเป็นหมายเลขที่สามารถกำหนดให้เป็นหมายเลขใดก็ได้ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเบอร์ที่ปรากฎนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ปกติทั่วไป จึงรับสายและมีโอกาสตกหลุมพรางของคนร้ายได้

❗️❗️ข้อควรระวัง❗️❗️ หากประชาชนได้รับสายแล้วอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือหน่วยงานอื่นๆ มาขอข้อมูล ให้ทุกคนมีสติทุกครั้งเมื่อรับโทรศัพท์ โดยเฉพาะเบอร์ใหม่และเบอร์แปลก..อย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาด ตำรวจจะไม่ใช้วิธีการโทรศัพท์ ไลน์ หรือวิธีอื่นๆ ในการทำงานสืบสวนสอบสวน แต่จะใช้การออกหมายเรียกให้มาพบที่สถานนีตำรวจเท่านั้น
(ห้ามโอนเงินทางออนไลน์เพื่อตรวจสอบทุกกรณีโดยเด็ดขาด)
------------------------------------------------------
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
แจ้งเบาะแส หรือสอบถาม โทร 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com
-----------------------------------------------------

10/12/2022

รู้ทันกลโกง แชร์ลูกโซ่ อ่านเลย
ช่วงวิกฤตการเงินแบบนี้ ถือเป็นนาทีทองของมิจฉาชีพ เพราะรู้ว่าคนลำบาก อยากรวยทางลัดกันเยอะ หากเราไม่ทันดึงสติก็อาจตกเป็นเหยื่อสูญเงินได้ วันนี้มีวิธีสังเกตมาฝากว่า คุณกำลังถูก แชร์ลูกโซ่ หลอกอยู่รึเปล่า พร้อมแนะวิธีการแจ้งความ ทำอย่างไร
ช่วงเงินทองหายากแบบนี้ อย่าโดนมิจฉาชีพหลอกซ้ำให้ช้ำไปกว่านี้ แต่ดอกเบี้ยเงินฝากตกต่ำ ทำให้คนโหยหาวิธีการ รวยทางลัดมากขึ้น แชร์ลูกโซ่ จึงเป็นวิธีโกงที่อยู่ในไทยมายาวนาน คดีดังๆยุคแรกก็ต้องยกให้ แชร์ลูกโซ่แม่ชม้อย (ปี2520) ในยุคน้ำมันแพง หรือ ปัจจุบันก็ แชร์แม่มณี แชร์forex3D แต่ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย แชร์ลูกโซ่ จะมีลักษณะที่คล้ายๆกัน เล่นกับ ความโลภ อยากรวยทางลัดและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา วันนี้มีวิธีสังเกตมาฝากว่าคุณกำลังถูก แชร์ลูกโซ่ หลอกอยู่รึเปล่า

1. แชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่ ขายตรง
ธุรกิจขายตรงๆจริงๆมีอยู่แต่ไม่ใช่ แชร์ลูกโซ่นะ เขาเน้นขายสินค้า คุณภาพดี ตรวจสอบได้ ตรงถึงบ้าน ถ้าเป็นบริษัทในประเทศไทย ต้องเช็คข้อมูลได้
ที่เว็บไซต์ของ Set.or.th ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ​คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ​SEC CHECK FIRST ลองเอาชื่อบริษัทไปตรวจสอบ ถ้าไม่พบรายละเอียด โดนหลอกแล้ว!

2.การันตีผลตอบแทนสูงมาก
10-90%ต่อเดือน
เช่น ลงทุน 1,000 บาท 1 เดือน = 1,900 (กำไร 90%)
สถาบันการเงินยังทำไม่ได้ สถิติปี 2020
- ออมทรัพย์ปกติ 0.25% ต่อปี
- ฝากประจำ 1-2% ต่อปี
- กองทุนรวม 1-12% ต่อปี
- หุ้นไทย ถือ10 ปี จะได้รับผลตอบแทนในช่วง
-3.24% ถึง +18.63% ต่อปีเท่านั้น
และ ไม่เคยการันตีผลตอบแทน ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นตัวการันตีอนาคต เพราะฉะนั้น การลงทุนที่ไหนการันตีผลตอบแทน ร้อยทั้งร้อน หลอกลวง แน่นอน

3.เน้นหาสมาชิกเพิ่ม ไม่เน้นขายของ
เวลาถามไปไม่มีสินค้าจริง ข้อมูลบริษัทจับต้องไม่ได้
เพราะแท้จริง เขาเอาเงินค่าสมัครแรกเข้า จ่ายวนไปให้คนเก่า หมุนไปไม่รู้จบ ไม่ได้เอาไปลงทุน พอหลอกเหยื่อรายใหม่ไม่ได้ ก็คือเกม

4.ให้ผลตอบแทนในครั้งแรก จากนั้น ไส้เลื่อน
หลายคนอาจจะกำลังด่าโอ๋ว่า มั่ว เนี่ยลงทุนไป 2 ครั้ง ก็ได้ผลตอบแทน เป๊ะๆ ใช่จ้า แต่รู้หรือไม่ว่ามันเป็นแผนหลอกหมูในอวยให้คุณตายใจ ถ้าเขาหลอกคุณตั้งแต่ครั้งแรก เขาก็ได้เงินน้อยสิ พอคุณเชื่อใจ ก็จะลงทุนเพิ่มไม่อั้น แถมไปชวนเพื่อนมาให้อีก ทีนี้ล่ะ เริ่มโดนเลื่อนจ่าย สารพัดคำหวาน หว่านล้อมให้เรารอ รู้ไว้เลย อาจกำลังถูกหลอกแล้ว

10/12/2022

ระวังภัย‼️ ผูกบัญชีธนาคารกับแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์
.
สำหรับการเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ มีช่องทางให้เลือกซื้อหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมิจฉาชีพก็ได้มีการทำเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีชื่อและหน้าตาคล้ายกับของจริงขึ้นมา เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อผูกบัญชีธนาคาร หรือผูกบัตรเครดิตให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ
.
ซึ่งเมื่อเหยื่อผูกบัญชีธนาคารตามกลลวงของมิจฉาชีพแล้ว บัญชีของเหยื่อจะถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการโดยที่เหยื่อไม่ได้สั่งซื้อ
.
✅ สำหรับวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
.
1. หลีกเลี่ยงการหักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ปรับมาใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน

2. สำหรับบัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก

3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก นอกเหนือจาก AppStore หรือ Playstore

4. ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)

5. หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือทางออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)

6. ระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม

7. ควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน

8. หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์
.
หากได้รับความเสียหายให้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจ หรือแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com
.
ขอบคุณข้อมูลจาก(บช.สอท.)
.
#ผูกบัญชี #เตือนภัย #ตำรวจสอบสวนกลาง

🧡ทรงพระเจริญ🧡๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ 🔸วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริ...
07/12/2022

🧡ทรงพระเจริญ🧡

๗ ธันวาคม ๒๕๖๕

🔸วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรรราชธิดา🔸

ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ๔ 👮🏻‍♂️

#7ธันวาคม65
#ตํารวจไซเบอร์ 👮🏻‍♂️
🌐

07/12/2022

📣ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับ Shopee แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

👉พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

🔸จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.65 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า Shopee ได้ประกาศปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว

🔸กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

🔸การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

🔸โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีแนวทางป้องกัน ดังต่อไปนี้

1️⃣หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน
2️⃣บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก
3️⃣หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ที่แหล่งมา ควรดาวน์โหลดใน AppStore หรือ Playstore เท่านั้น
4️⃣ที่สำคัญระมัดระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันจริง เพื่อหลอกเอาข้อมูล โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเองเท่านั้น
5️⃣ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)
6️⃣หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)
7️⃣ควรนำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน
8️⃣หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

🔸ทั้งนี้หากท่านได้รับความเสียหาย ให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

07/12/2022

📣ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับ Shopee แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

👉พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

🔸จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.65 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า Shopee ได้ประกาศปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว

🔸กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

🔸การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

🔸โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีแนวทางป้องกัน ดังต่อไปนี้

1️⃣หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน
2️⃣บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก
3️⃣หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ที่แหล่งมา ควรดาวน์โหลดใน AppStore หรือ Playstore เท่านั้น
4️⃣ที่สำคัญระมัดระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันจริง เพื่อหลอกเอาข้อมูล โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเองเท่านั้น
5️⃣ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)
6️⃣หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)
7️⃣ควรนำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน
8️⃣หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

🔸ทั้งนี้หากท่านได้รับความเสียหาย ให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

หน้าหลัก
07/12/2022
หน้าหลัก

หน้าหลัก

หน่วยราชการในพระองค์ สำนักพระราชวัง สำนักงานองคมนตรี ข่าวในพระราชสำนัก จิตอาสา แถลงการณ์ และประกาศสำนักพ...

Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  บช.สอท. - CCIB's post
07/12/2022

Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB's post

07/12/2022
Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  บช.สอท. - CCIB's post
07/12/2022

Photos from กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB's post

28/11/2022
28/11/2022

👉ติดพนันแหละ ดูออก

28/11/2022

📣เตือนแก๊งพนันออนไลน์ 👉ฟุตบอลโลกปีนี้ ตำรวจไซเบอร์เอาจริง

28/11/2022

ภัยอันตราย SMS หลอกโอนเงินป้องกันได้ง่าย ๆ ❗️

ภัยออนไลน์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ SMS หรือข้อความที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือเพื่อให้โอนเงิน หรือส่งมาในรูปแบบลิงก์ให้กดเข้าไปยังแอปพลิเคชันหลอกลวงต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ขอแนะนำประชาชนให้ตระหนัก ถึง 3 ข้อ ดังนี้

1. ตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ของตนเอง เช่น เช็กโปรโมชั่นที่ใช้งานในปัจจุบัน และเช็กยอดการใช้งานอยู่เสมอ

2. ตรวจเช็กค่าใช้บริการในใบแจ้งหนี้ ซึ่งตรวจสอบได้ง่ายโดยผ่านแอปพลิเคชั่นจากผู้ให้บริการค่ายต่างๆ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการใช้งานว่าใช้เกินจากที่ใช้จริงหรือไม่ และหากมีการตัดค่าใช้บริการโทรศัพท์ผ่านบัตรเครดิตอัตโนมัติ ควรหมั่นตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายเป็นประจำ

3. หมั่นดูแลและให้ความรู้กับผู้ใช้งานที่ยังขาดความเข้าใจ โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงวัยที่ใช้งานสมาร์ทโฟน ต้องเข้าใจ และรู้เท่าทัน SMS หลอกกินเงิน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกลโกงจาก SMS ดังกล่าว

ขอบคุณข้อมูล : ตำรวจ PCT

#มั่นใจทุกข่าวสารตำรวจเพื่อคุณ

#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

28/11/2022

วิธีไหนที่จะป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์บ้าง ไปดูกันค่ะ❗

มัลแวร์ คือ ซอฟท์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแอบเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้อนุญาต มัลแวร์มีหลายชนิด ได้แก่ ไวรัสคอมพิวเตอร์ หนอน โทรจัน สปายแวร์ และซอฟท์แวร์อื่นๆ ที่เป็นอันตราย มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากค่ะ
👉วันนี้เรามีวิธีง่าย ๆ ที่จะป้องกันมัลแวร์อย่างถูกวิธี
1. อย่าเปิดอีเมล ทั้งไฟล์แนบต้องสงสัย ที่ส่งมาจากอีเมลที่เราไม่รู้จักผู้ส่ง และห้ามส่งต่อไปให้บุคคลอื่น
2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ (Anti-malware) บนคอมพิวเตอร์
3. อัพเดทคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในเครื่องสม่ำเสมอ
4. ไม่คลิกข้อความที่แสดงโฆษณาหรือหน้าต่าง pop-up ปลอม บนเว็บไซต์ อาจจะเป็นการเริ่มดาวน์โหลดมัลแวร์ จะต้องเช็คและตรวจสอบก่อนคลิกเสมอ
5. ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เสี่ยงต่อการมีมัลแวร์แฝงอยู่

==========================
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.com/

28/11/2022

📌รหัสผ่านอะไรบ้างนะ⁉️ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และสามารถคาดเดาได้ง่ายที่สุดด้วย (และนำไปสู่การถูกแฮกบัญชีนั่นเอง…😈) โดยในปี 2022 นี้ พบว่ารหัสยอดฮิตอย่าง password ก็ยังคงเหนียวแน่นอยู่ในอันดับ 1 ของ Password ยอดแย่อยู่อีกเช่นเคย และ 123456 ตามมาติดๆ 😱

👉ข้อมูลของ Password คราวนี้ มาจากการเก็บรวบรวมของ NordPass ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านจากบริษัท NordVPN ได้ออกมาจัดอันดับ Password ที่ถูกใช้งานมากที่สุดจากทั่วโลกภายในปี 2022

📌ทาง NordPass บอกว่าแม้เทรนด์การตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปีนี้จะสูงขึ้น แต่พฤติกรรมเก่า ๆ ของคนก็เป็นสิ่งที่แก้ยาก ผู้คนยังคงเลือกใช้รหัสผ่านความปลอดภัยต่ำมากๆกับบัญชีสำคัญของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งก็นับเป็นที่น่าเป็นห่วงแทนไม่น้อยเช่นกันในยุคนี้ ที่ธุรกรรมทางการเงินหรือธุรกรรมสำคัญๆต่าง สามารถทำผ่านอินเตอร์เน็ตได้

👉ดังนั้นใครที่ยังใช้รหัสผ่านเหล่านี้อยู่ อย่าลืมเข้าไปเปลี่ยนให้ซับซ้อนกว่านี้กันหน่อยนะคะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุุกคนค่ะ ยิ่งตั้งง่ายเท่าไหร้่ ยิ่งมีโอกาสตกเป็นเหยื่อมากเท่านั้น

==========================
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.com/

28/11/2022

พริตตี้ - เน็ตไอดอล รับงานดูให้ดีนะคะ เพราะถ้ารับงานโปรโมทให้ลักษณะเป็นการชักชวนเล่นกานพนันแล้วหละก็มีความผิดโทษถึงจำคุกเลยนะคะ ด้วยความเป็นห่วงค่ะ

==========================
ติดตาม PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์
โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.com/

28/11/2022

หลอกลงทุนออนไลน์ระบาด ! สาวน่านถูกหลอกทำงานออนไลน์ สูญเงินเกือบ 1 ล้านบาท
หญิงสาวผู้เสียหาย ได้นำหลักฐานการสนทนาพูดคุยกับแอดมินเพจ และการโอนเงินในแต่ละครั้ง หลังจากถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกทำงานออนไลน์ ทำให้สูญเงินรวม 984,919 บาท เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองน่าน พร้อมให้ปากคำว่า ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 8 กันยายน ซึ่งขณะนั้นเธอตกงาน และไปเจอแพลตฟอร์มรับสมัครคนทำงาน ผ่านทางออนไลน์ มีหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันสินค้าตามที่มีคนสั่งซื้อในแพลตฟอร์ม โดยได้เข้าไปพูดคุยกับแอดมินเพจ ถูกหลอกล่อให้ร่วมลงทุนในครั้งแรกที่ 100-1,000 บาท แล้วก็ลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงหลักหมื่น ซึ่งในช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนดี ประมาณ 20 ของเงินลงทุน

แต่ยังไม่ได้รับเงินโอนค่าตอบแทนกลับมา โดยทางแอดมินบอกว่า ต้องทำภารกิจในขั้นตอนต่อไปให้เสร็จสิ้นก่อน หากหยุดทำก็จะไม่สามารถเบิกเงินออกมาได้ แถมยังหลอกล่อให้เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นอีก เป็นหลักแสนบาท ซึ่งเธอเองก็หลงเชื่อ เพราะอยากได้เงินคืน แต่ต่อมาทางแอดมินก็มีเงื่อนไขต่าง ๆ นานา และบอกว่า ทำภารกิจผิดพลาดต้องเพิ่มเงินโอนมา จนกระทั่งมีการโอนเงินไปหลายครั้งรวมแล้วเกือบ 1 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้เงินคืน ทำให้รู้ว่าถูกหลอก ถึงกับเครียดมาก คิดสั้นกินยาหวังฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจกลับมาสู้เพื่อตัวเอง และเป็นตัวอย่างไม่ให้มีคนอื่นถูกหลอกในรูปแบบนี้อีก ซึ่งแก๊งมิจฉาชีพนี้ทำงานกันเป็นขบวนการ มีทั้งหมด 4 คน พบว่ามีคนในพื้นที่จังหวัดน่านถูกหลอกแล้วหลายราย สูญเงินตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาท

23/11/2022

👉 เบอร์ขึ้นต้นด้วย + จะรับสายต้องดูให้ดี

23/11/2022

👉มาป้องกัน ไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหายกันเถอะ

23/11/2022

ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า)และเปิดซิม
โทรศัพท์มือถือเพื่อไปใช้ในการกระทำผิด มีโทษตามกฎหมาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า)และเปิดซิมโทรศัพท์มือถือเพื่อไปใช้ในการกระทำผิด

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 บช.สอท. ได้เปิดยุทธการ “หักซิมม้า” ตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และ กรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย.65 คุณครูพร้อมผู้ปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จว.สุพรรณบุรี ได้พานักเรียนจำนวน 8 ราย ไปแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง ซึ่งเกรงว่าอาจถูกหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคารและเปิดลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือไปใช้ในทางมิชอบ โดยได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคารลงทะเบียนเปิดซิมโทรศัพท์มือถือไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าว อาจมีความผิดฐานเป็นตัวการหรือให้การสนับสนุนในการกระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงประชาชน ” ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 343 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพบว่า ส่วนมากผู้ที่ถูกดำเนินคดีเป็นแค่เพียงเจ้าของบัญชีซึ่งรับจ้างเปิดบัญชี หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “บัญชีม้า” ส่งผลให้พยานหลักฐานที่จะสืบสวนไปยังผู้กระทำผิดตัวจริงอาจไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบันมีความซับซ้อนที่มากขึ้น

ที่ผ่านมา บช.สอท. ตรวจสอบพบว่านอกจากกลุ่มอาชญากรจะมีการซื้อบัญชีธนาคารจากบุคคลอื่นเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดหรือ ที่เรียกกันว่า “บัญชีม้า” แล้ว ยังพบว่ามีการชักชวนให้ประชาชนเปิดซิมหรือจดทะเบียนโทรศัพท์มือถือเพื่อขายให้กับกลุ่มอาชญากรอีกด้วย ซึ่งคนร้าย จะนำซิมการ์ดที่ได้ ไปใช้ในการกระทำความผิด เช่น ใช้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อ, ใช้ประกอบการเปิดระบบธนาคารออนไลน์หรือเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรอรับเงินโอนจากการหลอกลวงเหยื่อหรือรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิด, ใช้ผูกกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แล้วนำไปใช้กระทำความผิด

พร้อมกันนี้ขอฝากเตือนถึงแนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้กับประชาชน ดังต่อไปนี้
1.หากบัญชีธนาคาร หรือซิมโทรศัพท์มือถือ ที่ท่านให้บุคคลอื่นถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็น ตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด อีกทั้งหากท่านรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือซิมม้า จำนวนมาก คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับโทษเพิ่มขึ้นตามจำนวนบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์มือถือที่ท่านได้ให้บุคคลอื่นนำไปใช้ในการกระทำความผิด
2.กลุ่มที่คิดจะรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือ “บัญชีม้า” โดยเห็นแก่ค่าตอบแทนและประโยชน์ส่วนตน ให้บุคคลอื่นถูกนำบัญชีไปใช้ในการกระทำความผิด อาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ซึ่งมีอัตราโทษทั้งปรับและจำคุก
3.นอกจากนี้หากพประชาชนเคยหลงเชื่อขายซิมโทรศัพท์มือถือ หรือบัญชีธนาคาร ให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว ให้รีบไปติดต่อกับค่ายโทรศัพท์หรือธนาคารเพื่อขอยกเลิกหมายเลขโทรศัพท์หรือปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว และหากพบเห็นการประกาศรับซื้อซิมโทรศัพท์มือถือหรือบัญชีธนาคาร

ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด หรือ ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

ที่อยู่

ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อ
กรุงเทพ
10210

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 16:30
พฤหัสบดี 08:30 - 16:30
ศุกร์ 08:30 - 16:30

เบอร์โทรศัพท์

+66052-010375-6

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบ:

วิดีโอทั้งหมด

ตำแหน่งใกล้เคียง บริการภาครัฐ


องค์กรของรัฐ อื่นๆใน กรุงเทพ

แสดงผลทั้งหมด

ความคิดเห็น

ขอยอมรับผิดค่ะ....เดือดร้อนเรื่องเงินเผลอไปกู้ออนไลน์์....แต่โอนเงินกลับภายในครึ่งชั่วโมงและขอยกเลิกสัญญา....มันไม่ยอมให้จ่ายค่าปรับแอพละ200ถ้าไม่จ่ายต้องจ่ายคืนทั้งหมด...แจ้งความไปแล้วค่ะ...ร้องเรียนและขอความช่วยเหลือไปหลายหน่วยงานค่ะ....ทุกที่บอกไม่เกี่ยวข้องให้มาร้องเรียนและแจ้งเรื่องที่เพสนี้....ความหวังสุดท้ายแล้วค่ะ....ขอบคุณท่านเจ้าหน้าที่หากดูแลและจะดำเนินการให้นะคะ
เรื่องด่วน!! สำคัญมาก....
ชาวไทยไม่ต้องตกใจ!! กษัตริย์(ร.10)จะไม่ทรงพระปรมาภิไธย ให้รัฐธรรมนูญทำลายสถาบันกษัตริย์ไทยได้เป็นเด็ดขาด รัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ กษัตริย์ต้องเป็นผู้ลงประปรมาภิไธย (ลายมือชื่อ) กำกับ
»»» ตามที่ในหลวง ร.10 ตรัสว่าให้เอาความจริงมาพูดกัน ความจริงคือ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หมายความว่า พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประชาธิปไตยทุกคน ปัจจุบันมีการเล่นการเมืองเกินขอบเขตจากคำว่า"สู้ไปกราบไป"ทุกคนคงรู้ความหมายกันดี คือสู้กับกษัตริย์โดยตรง หาทางทำลายกฎหมาย ม.112 แล้วเข้าสู่กระบวนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย(ก่อกบฏ) เพื่อเปลี่ยนใช้การปกครองแบบประธานาธิบดี
"ฝากวิเคราะห์" เข้าดูข่าวใน โพสต์ facebookหลัก ของ Mongkhon Khoontonil ประกอบข่าวทุกช่อง จะเห็นว่า มีการโจมตีหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์ และได้รับการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่าเป็นความจริง มีพรรคการเมืองเป็นกองบัญชาการ ส่วนช่องข่าวที่โจมตีสถาบันกษัตริย์ตรงๆ หลักๆ Youtubeช่อง ข่าวใหม่News, คณะราษฎร2563, Thai News TV, REDEM NEWS, ข่าวเด่นวันนี้, Sunai TV, เล็ก จรรยา, ไฟเย็น ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเป็นการสู้ศึกกับกษัตริย์โดยตรงแบบสงครามเย็น โจมตีโดยการปล่อยสื่อใส่ร้ายบิดเบือนให้มีการด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ ใช้ม็อบป่วนสถานทูตต่างๆทำให้เกิดความแตกแยกกับต่างชาติเพื่อเป็นข้อต่อลองกับกษัตริย์ และทำให้เกิดความแตกแยกภายในประเทศ ใช้นักการเมืองเป็นอาวุธในการโจมตีหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย และมีต่างชาติให้การสนับสนุน เพื่อหาทางล้มล้างการปกครองระบอบกษัตริย์ในประเทศไทย(ก่อกบฏ)
กับปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานในประเทศไทย กษัตริย์วชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงหาทางแก้ไขมาโดยตลอด ตอนนี้พระองค์ทรงเห็นวิธีแก้ไขแล้ว และทุกฝ่ายทางการปกครองให้การยอมรับ โดยยึดคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง จะไม่มีใครล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยได้ เพราะประเทศไทยยังมี "อำนาจสูงสุด" ที่กษัตริย์เป็นผู้ใช้ในการปกครองประเทศตามรัฐธรรมนูญไทย อำนาจสูงสุด คืออำนาจอธิปไตยของพระมหากษัตริย์
ปัจจุบันในหลวงวชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงเก็บตัว ป้องกันการลอบปลงพระชนม์ และทรงงานอยู่เงียบๆเตรียมแผนปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทย กับเหตุการณ์กบฏที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พระองค์จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วยตัวเอง และวิธีปฏิรูปก็ได้รับการยอมรับจากทุกส่วนแล้ว รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ (กษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดสามารถปฏิรูปตัวเองได้) ปัจจุบันพระองค์ทรงติดต่อกับผู้ครองแต่ละประเทศเพื่อบอกกล่าวชี้แจงให้แต่ละประเทศทราบ จบโควิดจึงจะบอกกล่าวประชาชนภายในประเทศ พระองค์(ร.10)จะใช้อำนาจสูงสุดของกษัตริย์ตั้งเมืองลูกหลวงเป็นผู้ช่ายกษัตริย์ไทย ให้ครองนครราชสีมาดูแลภาคอีสาน และช่วยปกครองดูแลประเทศไทย ให้ครองราชคู่เจ้าฟ้าหญิงสิริวรรณวรีนารีรัตน์ฯ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้สถาบันกษัตริย์ไทย เป็นการแก้ไขปัญหากบฏที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย และป้องกันการโจมตี การคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย ที่มีจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ให้เกิดขึ้นอีกตลอดไป...
...เสร็จภาระกิจและมีความปลอดภัย พระองค์จะทรงเสด็จออกเยี่ยมประชาชน
...จบปัญหาโควิด สามารถจัดงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชของเจ้าเมืองลูกหลวง(ผู้ช่วยกษัตริย์) โดยไม่เสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด พระองค์(ร.10)จะทรงดำริเป็นทางการด้วยตัวเอง
**หมายเหตุ**
หากท่านใดคิดว่าข้อความเป็น"เท็จ" หรือหลอกลวง สามารถฟ้องคดีได้ทุกข้อหา ยินดีและพร้อมที่จะเอาความจริงมาพูดกัน...
เรื่องด่วน!! สำคัญมาก....
ไม่ต้องตกใจ!! ไม่มีกษัตริย์ไทยพระองค์ใดโง่ ทรงพระปรมาภิไธยให้รัฐธรรมนูญทำลายตัวเองได้ (รัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ กษัตริย์ต้องลงประปรมาภิไธย(ลายมือชื่อ)กำกับ)
»»» ตามที่ในหลวง ร.10 ตรัสว่าให้เอาความจริงมาพูดกัน ความจริงคือ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หมายความว่า พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประชาธิปไตยทุกคน ปัจจุบันมีการเล่นการเมืองเกินขอบเขตจากคำว่า"สู้ไปกราบไป"ทุกคนคงรู้ความหมายกันดี คือสู้กับกษัตริย์ เพื่อหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย(ก่อกบฏ)
"ฝากวิเคราะห์" เข้าดูข่าวในโพสต์facebook หลัก ของMongkhon khoontonil ประกอบข่าวทุกช่อง จะเห็นว่าเป็นความจริง ส่วนช่องข่าวที่โจมตีสถาบันกษัตริย์ตรงๆ หลักๆ Youtubeช่องข่าวเด่นวันนี้,สุนัย,จรรยา,ไฟเย็น ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเป็นการสู้ศึกกับกษัตริย์โดยตรง สู้รบแบบสงครามเย็นเพื่อหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์ โจมตีโดยการปล่อยสื่อใส่ร้ายบิดเบือนให้มีการด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ ทำให้เกิดความแตกแยก ใช้ม็อบและนักการเมืองเป็นเครื่องมือหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีต่างชาติให้การสนับสนุนเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย...
กับปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานในประเทศไทย กษัตริย์วชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงหาทางแก้ไขมาโดยตลอด ตอนนี้พระองค์ทรงเห็นวิธีแก้แล้วไม่มีใครที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยได้ เพราะประเทศไทยยังมี อำนาจสูงสุด ที่กษัตริย์เป็นผู้ใช้ในการปกครองประเทศไทย อำนาจสูงสุดคือ "อำนาจอธิปไตยพระมหากษัตริย์"นั่นเอง
รู้แล้วยัง!! ทุกวันนี้ในหลวงวชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงเก็บตัว ป้องกันการลอบปลงพระชนม์ และอยู่เงียบๆ ทรงงานปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทยด้วยตัวพระองค์เอง ตามคำเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทย(กษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดสามารถปฏิรูปตัวเองได้) พระองค์ทรงงาน ติดต่อกับผู้ครองแต่ละประเทศ เพื่อบอกกล่าวชี้แจงให้แต่ละประเทศรับทราบ วิธีที่พระองค์จะแก้ไขการปฏิรูปสถาบันฯให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบการปกครองไทย เสร็จแล้วจึงจะบอกกล่าวประชาชนภายในประเทศ โดยพระองค์จะใช้อำนาจสูงสุดของกษัตริย์ตั้งเมืองลูกหลวง เป็นผู้ช่ายกษัตริย์ไทย เพื่อช่วยปกครองดูแลประเทศไทย ให้เจ้าเมืองครองราชคู่เจ้าฟ้าหญิงสิริวรรณวรีนารีรัตน์ฯ เป็นการเพิ่มความมั่นคงให้สถาบันกษัตริย์ไทย แก้ไขปัญหาภายประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และป้องกันการโจมตี การคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยที่มีในปัจจุบัน ไม่ให้เกิดขึ้นอีกตลอดไป...(เป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องประเทศมิได้หวังทำร้ายใคร)
...แก้ปัญหาความแตกแยกภายในประเทศเสร็จ เศรษฐกิจจึงจะสามารถดีขึ้นได้
...เสร็จภาระกิจ พระองค์จึงจะเสด็จออกเยี่ยมประชาชน (จบปัญหาโควิด สามารถจัดงานเฉลิมฉลองได้ จะทรงดำริเป็นทางการด้วยตัวพระองค์เอง)

หมายเหตุ!!
หากท่านใดคิดว่าข้อความเป็น"เท็จ" หรือหลอกลวง สามารถฟ้องคดีได้ทุกข้อหา ยินดีและพร้อมที่จะเอาความจริงมาพูดกัน
เรื่องด่วน!! สำคัญมาก....
ไม่ต้องตกใจ!! ไม่มีกษัตริย์ไทยพระองค์ใดโง่ ทรงพระปรมาภิไธยให้รัฐธรรมนูญทำลายตัวเองได้ (รัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ กษัตริย์ต้องลงประปรมาภิไธย(ลายมือชื่อ)กำกับ)
»»» ตามที่ในหลวง ร.10 ตรัสว่าให้เอาความจริงมาพูดกัน ความจริงคือ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หมายความว่า พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประชาธิปไตยทุกคน ปัจจุบันมีการเล่นการเมืองเกินขอบเขตจากคำว่า"สู้ไปกราบไป"ทุกคนคงรู้ความหมายกันดี คือสู้กับกษัตริย์ เพื่อหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย(ก่อกบฏ)
"ฝากวิเคราะห์" เข้าดูข่าวในโพสต์facebook หลัก ของMongkhon khoontonil ประกอบข่าวทุกช่อง จะเห็นว่าเป็นความจริง ส่วนช่องข่าวที่โจมตีสถาบันกษัตริย์ตรงๆ หลักๆ Youtubeช่องข่าวเด่นวันนี้,สุนัย,จรรยา,ไฟเย็น ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเป็นการสู้ศึกกับกษัตริย์โดยตรง สู้รบแบบสงครามเย็นเพื่อหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์ โจมตีโดยการปล่อยสื่อใส่ร้ายบิดเบือนให้มีการด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ ทำให้เกิดความแตกแยก ใช้ม็อบและนักการเมืองเป็นเครื่องมือหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีต่างชาติให้การสนับสนุนเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย...
กับปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานในประเทศไทย กษัตริย์วชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงหาทางแก้ไขมาโดยตลอด ตอนนี้พระองค์ทรงเห็นวิธีแก้แล้วไม่มีใครที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยได้ เพราะประเทศไทยยังมี อำนาจสูงสุด ที่กษัตริย์เป็นผู้ใช้ในการปกครองประเทศไทย อำนาจสูงสุดคือ "อำนาจอธิปไตยพระมหากษัตริย์"นั่นเอง
รู้แล้วยัง!! ทุกวันนี้ในหลวงวชิราลงกรณ์(ร.10) พระองค์ทรงเก็บตัว ป้องกันการลอบปลงพระชนม์ และอยู่เงียบๆ ทรงงานปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทยด้วยตัวพระองค์เอง ตามคำเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทย(กษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดสามารถปฏิรูปตัวเองได้) พระองค์ทรงงาน ติดต่อกับผู้ครองแต่ละประเทศ เพื่อบอกกล่าวชี้แจงให้แต่ละประเทศรับทราบ วิธีที่พระองค์จะแก้ไขการปฏิรูปสถาบันฯให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบการปกครองไทย เสร็จแล้วจึงจะบอกกล่าวประชาชนภายในประเทศ โดยพระองค์จะใช้อำนาจสูงสุดของกษัตริย์ตั้งเมืองลูกหลวง เป็นผู้ช่ายกษัตริย์ไทย เพื่อช่วยปกครองดูแลประเทศไทย ให้เจ้าเมืองครองราชคู่เจ้าฟ้าหญิงสิริวรรณวรีนารีรัตน์ฯ เป็นการเพิ่มความมั่นคงให้สถาบันกษัตริย์ไทย แก้ไขปัญหาภายประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และป้องกันการโจมตี การคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยที่มีในปัจจุบัน ไม่ให้เกิดขึ้นอีกตลอดไป...(เป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องประเทศมิได้หวังทำร้ายใคร)
...แก้ปัญหาความแตกแยกภายในประเทศเสร็จ เศรษฐกิจจึงจะสามารถดีขึ้นได้
...เสร็จภาระกิจ พระองค์จึงจะเสด็จออกเยี่ยมประชาชน (จบปัญหาโควิด สามารถจัดงานเฉลิมฉลองได้ จะทรงดำริเป็นทางการด้วยตัวพระองค์เอง)

หมายเหตุ!!
หากท่านใดคิดว่าข้อความเป็น"เท็จ" หรือหลอกลวง สามารถฟ้องคดีได้ทุกข้อหา ยินดีและพร้อมที่จะเอาความจริงมาพูดกัน
ผมถูกมิจฉาชีพโกงเงินไป3400บาทครับโดยบอกให้ผมขอกู้เงินเทอร์โบแล้วเขาก็ส่งรายการขอวงเงินกู้มาให้ดูแล้วผมก็ขอกู้ไป30000บาทครับพอผมบอกว่าขอกู้เท่านั้นแหละเขาก็บอกให้จ่ายเงินไปให้ก่อน400บาทเพราะต้องเอาไว้เป็นหลักฐานเพราะผมยังไม่เคยกู้มาก่อนต้องส่งเงินให้เขาก่อนถึงจะอนุมัติแต่พอผมส่งให้แล้วมันก็ยังไม่อนุมัติตสมทีาบอกผใไว้ต่อมาเขาก็ให้ผมส่งให้อีก3000บาทเพื่อเป็นค่าประกันผมก็ส่งให้ตามนั้นและถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ส่งให้อีกตรับแถมยังขอให้ผมส่งให้อีก2000ลาทเพื่อเป็นค่าเอกสารครับ
x

องค์กรของรัฐ อื่นๆใน กรุงเทพ (แสดงผลทั้งหมด)

Bangkok Immigration-กองบังคับการตรวจคนเข สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุง โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบ Thailand Digital Outlook สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยาก สถาบันพัฒนาการเมืองและการเ มว.ซบร. ส่วนหน้า1 ORD AAA M-WIT MWA Thailand สำนักงานอัยการสูงสุด : Office of the Att ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ : Po Thailand Ministry of Information and Communication Technology JICA GLO + UHC Project Phase 2 สำนักกฎหมาย กรมทางหลวงชนบท iTech RD