
26/08/2023
"เจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) ร่วมออกตรวจพื้นที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย พบมีการกานต้นเสม็ดขาวและปลูกต้นปาล์มน้ำมัน"
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 09.50 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าย่อยโคกเลา เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามประจำสำนักส.บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 สายที่ 1 (นครศรีธรรมราช-กระบี่) ) ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ตามที่นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า และนายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านการป้องกันและปราบปราม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย บริเวณบ้านโคกเลา ท้องที่หมู่ที่ 6 ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการกานต้นเสม็ดขาวและปลูกต้นปาล์มน้ำมันแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปถึงบริเวณดังกล่าว พบพื้นที่ป่าถูกไฟป่าเผาไหม้ ในพื้นที่มีการกานต้นเสม็ดขาว และปลูกต้นปาล์มน้ำมันแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นสามชุด เจ้าหน้าที่ชุดแรกให้เดินตรวจหาพิกัดรอบพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ มีการกานต้นเสม็ดขาว และปลูกต้นปาล์มน้ำมันแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว เจ้าหน้าที่ชุดที่สองทำการนับจำนวนต้นเสม็ดขาวที่ถูกกานเพี่อให้ยืนต้นตาย และเจ้าหน้าที่ชุดที่สามทำการนับต้นปาล์มน้ำมันที่ปลูกแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ได้ใช้เครื่องมือหาค่าพิกัดจากดาวเทียม (GPS) รอบพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ มีการกานต้นเสม็ดขาว และปลูกต้นปาล์มน้ำมันแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว ได้เนื้อที่ทั้งหมด 18 -1- 94 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ 00-3-92 ไร่ ต้นเสม็ดขาวที่ถูกโดนกาน เพื่อให้ยืนต้นตาย มีจำนวนประมาณ 120 ต้น และปลูกต้นปาล์มน้ามันอายุประมาณ 3-4 ปี แทรกแซมในป่าเสม็ดขาวจำนวนประมาณ 225 ต้น คิดเป็นค่าเสียหายที่เกิดแก่รัฐเป็นอัตราไร่ละ 79,462 บาท/ไร่ (คิดเป็นค่าเสียหายเขต 2 ป่าพรุ) รวมค่าเสียหายที่เกิดแก่รัฐเป็นเงินทั้งสิ้น 1,468,855.07 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนหกหมื่นแปดพันแปดร้อยห้าสิบห้าบาทเจ็ดสตางค์)
- จากการสืบสวนข้อเท็จจริงบริเวณพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ มีการกานต้นเสม็ดขาว และปลูกต้นปาล์มน้ำมันแทรกแซมในป่าเสม็ดขาว บางส่วนทับซ้อนกับที่ดินที่มีราษฎรแจ้งการครอบครองที่ดินตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 คือ ที่ดินที่แจ้งการครอบครองของราษฎร 2 ราย ซึ่งที่ดินดังกล่าวได้นำเข้าคณะทำงานสำรวจการถือครองที่ดิน ระดับพื้นที่พิจารณาแล้วปรากฏว่าไม่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานสำรวจการถือครองที่ดิน ระดับพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าเสม็ดขาวยังคงมีความอุดมสมบูรณ์และไม่มีร่องรอยการเข้าไปทำประโยชน์แต่อย่างใด
- พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด
1. ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 54 และระวางโทษตามมาตรา 72 พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
2. ฐานผู้ใดครอบครองป่าซึ่งได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 54 ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น ตามมาตรา 55 พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484
3. ฐาน ตัด โค่น แผ้วถาง เผา ทำลาย ต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น หรือทำลายทำให้เสื่อมสภาพ ขุด เก็บ ซึ่งแร่ ดิน หินกรวด ทราย ลูกรัง ของป่า หรือทรัพยากรธรรมชาติใดๆ หรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำ หรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ท่วมท้นหรือเหือดแห้ง เป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 67(2) และระวางโทษตามมาตรา 103 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ 2562
4. ฐาน ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการเหมืองแร่และการป่าไม้ ที่ดินของรัฐนั้นถ้ามิได้มีสิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ห้ามมิให้บุคคลใด
(1) เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้างหรือเผาป่า ตามมาตรา 9 และระวางโทษตามมาตรา 108 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
5. ฐานผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลาย หรือทำให้สูญหาย หรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหายหรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 97 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535
ได้แจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป