Clicky

Atมหาดไทย

Atมหาดไทย แฟนเพจเพื่อการสื่อสารการบำบัดทุกข์

เปิดเหมือนปกติ

02/12/2022

ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เชิญชวนร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน "วันพ่อแห่งชาติ" 5 ธันวาคม 2565 ในกรุงเทพฯ และภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง

เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565ข้าราชบริพารในพระองค์ฯ พร้อมด้วย จิตอาสาภาครัฐจิตอาสาภาคเอกชน และจิตอาสาภาคประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรม จิตอาสาพระราชทาน "วันพ่อแห่งชาติ"5 ธันวาคม 2565 ขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 5 ธันวาคม 2565 ช่วงเวลา 08.30 - 16.30 น. จำนวน 9 แห่ง ดังนี้

ชุมชนรอบเขตพระราชฐาน พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย
1. ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร(เกียกกาย) เขตดุสิต กรุงเทพฯ
2. ชุมชนท่าเตียน-พื้นที่วิทยาลัยเทคโนโลยีตั้งตรงจิตรพณิชยการ เขตพระนครกรุงเทพฯ
3. วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
4. วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ชุมชนรอบเขตพระราชฐาน พื้นที่ตามภูมิภาคจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย
5. ลานจอดรถหน้าพระราชวังบางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
6. กก.2 บก.สอ.บช.ตชด. (ค่ายนเรศวร ส่วนที่ 2) จว.ประจวบคีรีขันธ์
7. รร.บ้านงิ้วด่อนราษฎร์สามัคคีบำรุง ต.งิ้วด่อนอ.เมืองสกลนคร จว.สกลนคร
8. ประตูท่าแพ จว.เชียงใหม่
9. ศาลาศิลปาชีพ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์จว.นราธิวาส

โดยกิจกรรมประกอบด้วย การเชิญถุงพระราชทาน ให้กับผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรอบเขตพระราชฐาน และ กิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน ให้บริการประชาชน ณ สถานที่จัดกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ เช่น บริการทางการแพทย์(ตรวจโรคทั่วไป/COVID-19/การตรวจ ATK/ การแจกหน้ากากอนามัย การบริการทันตกรรม ตรวจวัดสายตา) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงครัวพระราชทาน การบริการซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ บริการตัดผมฟรี การแสดงดนตรี การแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การฝึกสอนเสริมสร้างอาชีพขั้นพื้นฐานและกิจกรรมนันทนาการ อาทิ การวาดรูป ปั้นแป้ง ฯลฯ

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมตามวันเวลา และสถานที่ดังกล่าว ทั้ง 9 แห่งอย่างพร้อมเพรียงกัน

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติ
01/12/2022
สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติ

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติ

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ .....

01/12/2022
ปภ.แนะนำวิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้.1) กรณีติดอยู่ในอาคารให้ใช้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ สายด่วนนิรภับ 1784 หรือส่...
10/08/2022

ปภ.แนะนำวิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้
.
1) กรณีติดอยู่ในอาคารให้ใช้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ สายด่วนนิรภับ 1784 หรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผู้ที่อยู่ภายนอก
2) หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ โดยให้ใช้ทางหนีไฟ เเทน
3) ไม่กลบเข้าไปในอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
4) ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก และปาก หรือใช้ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ อัดอากาศเเล้วนำมคลุมศรีษะ
5) หมอบคลานต่ำ หรือย่อตัวใกล้กับพื้นระยะไม่เกิน 1 ฟุต ช่วยลดการสูดดมควัน
6) กรณีไฟลุกลามติดเสื้อผ้า ห้ามวิ่ง ให้ถอดเสื้อผ้า หากถอดไม่ได้ให้นอนกลิ้งตัวไปกับพื้นจนไฟดับ
#๙๐พรรษาสมเด็จแม่ของแผ่นดินร่วมสร้างความดีถวาย
#กระทรวงมหาดไทย #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #สายด่วนนิรภัย1784
#๑๓๐ปีกระทรวงมหาดไทย_บำบัดทุกข์บำรุงสุข

ผู้ว่าฯ ระยอง พบปะประชาชนทางออนไลน์ในวันเปิดประเทศนำร่องเพื่อการท่องเที่ยวการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กำลังจะกลายเป็...
01/11/2021
การผ่อนคลายมาตรการและปรับตัวการใช้ชีวิตเข้ากับความปกติใหม่ New Normal

ผู้ว่าฯ ระยอง พบปะประชาชนทางออนไลน์ในวันเปิดประเทศนำร่องเพื่อการท่องเที่ยว

การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กำลังจะกลายเป็นสโลแกนเก่า เพราะรัฐบาลกำลังจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า ให้พี่น้องประชาชนกลับมาทำมาประกอบอาชีพให้ใกล้ปกติมากที่ และจังหวัดระยองของเราก็เป็นหนึ่งใน 17 จังหวัด “พื้นที่สีฟ้า” เริ่มนำร่องให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเที่ยวได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

เมื่อทุกคนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ในวันนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับความปกติใหม่ หรือ New Normal เพื่อให้เศรษฐกิจได้เดินหน้า ในขณะที่เรายังคงปลอดภัยจากโควิดโดยร่วมกันรณรงค์การป้องกันอย่างครอบจักรวาล โดยปฏิบัติตามมาตรการให้เคร่งครัดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากาก การล้างมือ เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด ควบคู่กับการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคหากเกิดการติดเชื้อ

ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 ทั้ง 260 คน ข้อมูลที่สำคัญก็คือกว่าร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับวัคซีน บางส่วนเหตุผลเนื่องมากจากกลุ่มคนดังกล่าวติดบ้าน ติดเตียง มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ มีกิจวัตรประจำวันมีความเสี่ยงน้อยมากจึงอาจ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว บุคคลกลุ่มดังกล่าว ติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ดังนั้น สมาชิกในครอบครัว จึงต้องช่วยกันดูแล เร่งพาพ่อแม่ปู่ย่าตายาย และญาติพี่น้องที่มีความเสี่ยงสูงไปฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกัน

อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่า เมื่อโลกของเรามีวัคซีนเพียงพอ มียารักษาที่มีประสิทธิภาพกระจายไปอย่างทั่วถึง โรคโควิดจะเปลี่ยนจากโรคระบาด กลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งถึงเวลานั้น ประชาชนทุกคนจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเองในขณะนี้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเร่งรณรงค์ให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมารับวัคซีน

เราเสียโอกาสในชีวิตไปหลายอย่างเพราะโควิด วันนี้ ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับปกติใหม่ หรือ New Normal ต้องหาเกราะให้ตัวเอง เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ และอยู่กับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัย



https://youtu.be/deuk9wUNkZk

การผ่อนคลายมาตรการและปรับตัวการใช้ชีวิตเข้ากับความปกติใหม่ New Normal• การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กำลังจะ...

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เปิดจวนมอบถุงยังชีพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ “ถุงปันสุข” ทุกวันอาทิตย์  ท่ามกลาง...
31/10/2021

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เปิดจวนมอบถุงยังชีพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ “ถุงปันสุข” ทุกวันอาทิตย์ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (31ต.ค.64) ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายมนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกัมปนท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอบ้านนาสาร สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอาสาสมัคร โดยมีประชาชนร่วมบริจาคสิ่งของอีกด้วย ได้แก่ ข้าวกล่อง ข้าวเหนียว น้ำดื่ม ผลไม้ ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และของเด็กเพื่อมอบให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ “ตู้ปันสุข ” โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้จัดระเบียบแถวตามมาตรการด้าน สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยบรรยากาศในเข้าวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ยังคงเดินหน้ามอบถังปันสุขให้แก่พี่น้องประชาชน ที่ออกมารอรับสิ่งของ ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ภาคส่วน ต่างๆ ได้จัดเตรียมไว้ให้

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สำหรับการจัดทำ “ถุงปันสุข” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการแจกจ่ายสิ่งของให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา หลังเกิดสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งมีประชาชนกลุ่มเปาะบาง และ ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ก็จะเดินทางมาเปิดตู้ปันสุข รับสิ่งของไปรับประทานทุกวัน ซึ่งการจัดทำตู้ปันสุข ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชน ในพื้นที่ซึ่งได้ร่วมกันนำสิ่งของมาร่วมสมทบเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตลอดมา และบางส่วนก็นำอาหารกล่องปรุงสุกมาใส่ที่ตู้ปันสุขให้ประชาชนที่เดือดร้อนมารับไปใช้ในครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่สถานการณ์ โควิด-19 ระบาดขึ้นในละลอกใหม่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้าง จึงได้ปรับแนวทางด้วยการมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อนทุกวันอาทิตย์ ซึ่งการบริจาคสิ่งของในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและที่สำคัญช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย

ผู้ว่าฯ ตรัง ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจเยี่ยมพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลนครตรัง พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโ...
31/10/2021

ผู้ว่าฯ ตรัง ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจเยี่ยมพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลนครตรัง พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด หลังเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในตลาด

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจเยี่ยมพ่อค้า-แม่ค้า ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด เนื่องจากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในหลายคลัสเตอร์ ทั้งคลัสเตอร์ตลาดสด ตลาดนัด จังหวัดตรัง จึงได้คุมเข้มตลาดนัด ตลาดสดในพื้นที่ พร้อมกำหนดให้มีการจัดทำทะเบียนประวัติแม่ค้าทุกรายที่มาจำหน่ายสินค้าในตลาดแห่งนั้น พร้อมทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุด Antigen test kit หรือ ATK ในทุกสัปดาห์ พร้อมติดบัตรประจำตัว เพื่อแสดงให้เห็นว่าผ่านการตรวจแล้ว ผลเป็นลบ ขณะเดียวกัน ก็จะแยกคนติดเชื้อออกมาเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาและให้แม่ค้าทุกรายสวมถุงมือ นอกจากนี้ ยังได้คุมเข้มมาตรการต่าง ๆ ทางสาธารณสุข และให้ทางอำเภอได้จัดชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ อย่างต่อเนื่อง หากพบการฝ่าฝืน สามารถใช้ดุลยพินิจในการสั่งปิดตลาดแห่งนั้นได้
สำหรับตลาดที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลนครตรัง ประกอบด้วย ตลาดสดเทศบาลนครตรัง ตลาดท่ากลาง ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยซ์ ตลาดกองทุน และตลาดบ้านโพธิ์ ทางเทศบาลนครตรัง ได้กำหนดมาตรการลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับตลาดในเขตเทศบาลนครตรัง ดังนี้
1. ให้เจ้าของตลาด หรือผู้จัดการตลาดจัดทำบัญชีรายชื่อพ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในตลาดทุกคน รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 โดยจัดส่งให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลนครตรัง (ศปก.ทน.ตรัง) ภายใน 3 วันนับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
2. ในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เจ้าของตลาดหรือผู้จัดการตลาดคัดกรอง พ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงาน ในตลาดทุกคนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kits (ATK) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหากพบว่าผลการตรวจคัดกรองเป็นบวก ให้แจ้งกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมโดยทันที และเข้ารับการกักตัวในชุมชน (Community Isolation : CI) ที่ทางราชการกำหนด
3. ให้พ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในตลาด สวมถุงมือตลอดเวลาที่ปฏิบัติงานและให้ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A (“รักษาระยะห่าง” “การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย” “การล้างมือ” “การตรวจวัดอุณหภูมิ” “การตรวจเชื้อโควิด-19” และ “การติดตั้งแอปพลิเคชั่นไทยชนะ/หมอชนะ” อย่างเคร่งครัด)
4. กำหนดให้มีทางเข้า-ออก ที่ชัดเจน และมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ กรณีพบว่าบุคคลดังกล่าว มีอุณหภูมิตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ขึ้นไป หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ ห้ามให้บุคคลดังกล่าวเข้าในสถานที่ และแนะนำให้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการทางการแพทย์ใกล้บ้าน
5. ทำความสะอาด บริเวณพื้นตลาด แผงจำหน่ายสินค้า ด้วยน้ำยาทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันหรืออาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย และทำความสะอาดตลาดตามหลักสุขาภิบาล อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
6. บริเวณที่พักขยะ ต้องรวบรวมขยะไปกำจัดให้หมด และทำความสะอาด
7. ให้มีการประชาสัมพันธ์มาตรการของตลาดให้ผู้ใช้บริการทราบอย่างสม่ำเสมอ
8.ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคแนะนำหรือมาตรการที่จังหวัดตรังกำหนดอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

ผวจ.ร้อยเอ็ด นำคณะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย ในเขตพื้นที่อำเภอจังหาร       เมื่อวันที...
31/10/2021

ผวจ.ร้อยเอ็ด นำคณะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย ในเขตพื้นที่อำเภอจังหาร

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นางดนิตา สมจิตต์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดร้อยเอ็ด , พลตรีวรเชษฐ์ ชวนะนรเศรษฐ์ ผู้บังคับบัญชามณฑลทหารบกที่ 27 , นายสนอง ดลประสิทธิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด , นายนิมิต ปัทมเจริญ นายอำเภอจังหาร หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดร้อยเอ็ด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ประสบภัยอทุกภัย ณ เขตพื้นที่อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งมอบสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ มอบรองเท้าบูท จำนวน 56 คู่ EMBALL ให้กับผู้ประสบภัยตำบลม่วงลาด , มอบรองเท้าบูท จำนวน 110 คู่ EMBALL ให้กับผู้ประสบภัยตำบลดงสิงห์ , มอบรองเท้าบูท จำนวน 74 คู่ EMBALL และสุขากระดาษให้กับผู้ประสบภัยตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ประสบภัย

ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดได้ประสบภัยอุทกภัย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณตอนบนของลุ่มน้ำชีในวันที่ 23 - 25 ก.ย.64 ในเขต จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดขอนแก่น จึงทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำชีเอ่อล้นตลิ่งและไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำชีในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 64 เป็นต้นมา ส่งผลให้ขณะนี้มีน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรจำนวน 10 อำเภอ 41 ตำบล 302 หมู่บ้าน 9,199 ครัวเรือน มีนาข้าวได้รับผลกระทบ 77,034 ไร่ ประมง 555.25 ไร่ ปศุสัตว์ 32,924 ตัว และมีที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ 11 ตำบล 34 หมู่บ้าน 427 หลัง โดยท่วมบ้านเรือน รวม 276 ครัวเรือน แยกเป็นที่อำเภอจังหาร 238 ครัวเรือน อำเภอเชียงขวัญ 38 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย พนังคันดินชำรุด 2 แห่ง คือ จุดบ้านดินแดง ตำบลดงสิงห์ และจุดบ้านเปลือยตาล ตำบลดงสิงห์ อำเภอจังหาร และขณะนี้ทุกภาคส่วนได้เร่งดำเนินการเข้าไปให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวร้อยเอ็ดที่ประสบอุทกภัย

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย

จังหวัดมหาสารคาม มอบถุงยังชีพกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที...
30/10/2021

จังหวัดมหาสารคาม มอบถุงยังชีพกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

วันนี้ (30 ต.ค. 64) นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ด้วยคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าสืบเนื่องจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ทำให้มีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ดำเนินการโอนเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จัดหาถุงยังชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 300 ชุด ในราคาชุดละไม่เกิน 700 บาท เป็นเงิน 210,000 บาท ซึ่งจังหวัดมหาสารคาม ได้มอบหมายที่ทำการปกครองจังหวัดมหาสารคาม (ฝ่ายการเงินและบัญชี) รับผิดชอบในการจัดหาถุงยังชีพผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 300 ชุด โดยให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

โดยในวันนี้ นายธรรมนูญ แก้วคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพของ “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 4 จุด ได้แก่ 1) บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลลาดพัฒนา จำนวน 114 ครัวเรือน 2) บริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบุ่งคล้า ตำบลลาดพัฒนา จำนวน 75 ครัวเรือน 3) บริเวณวัดวารินทราวาส บ้านท่าตูม ตำบลท่าตูม จำนวน 69 ครัวเรือน และ 4) บริเวณบ้านกุดเวียน ตำบลท่าตูม จำนวน 53 ครัวเรือน

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 จังหวัดมหาสารคาม น้ำในแม่น้ำชีเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ใน 5 อำเภอ 28 ตำบล 239 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย 13 ตำบล 102 หมู่บ้าน อำเภอกันทรวิชัย 7 ตำบล 79 หมู่บ้าน อำเภอเมืองมหาสารคาม 5 ตำบล 39 หมู่บ้าน อำเภอเชียงยืน 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน และอำเภอกุดรัง 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน มีที่นาได้รับผลกระทบ 122,013 ไร่ พืชไร่ 187 ไร่ และมีหมู่บ้านถูกตัดขาด 2 อำเภอ 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลโพนงาม ตำบลยางท่าแจ้ง ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย และตำบลมะค่า ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย หมู่บ้านถูกตัดขาดต้องสัญจรด้วยรถยกสูงและเรือเท่านั้น สำหรับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย จำนวน 2,298 ครัวเรือน รพ.สต. 3 แห่ง โรงเรียน 6 แห่ง วัด 9 แห่ง อำเภอกันทรวิชัย จำนวน 2,216 ครัวเรือน รพ.สต. 1 แห่ง โรงเรียน 5 แห่ง วัด 12 แห่ง อำเภอเมืองมหาสารคาม จำนวน 1,388 ครัวเรือน วัด 18 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง อำเภอเชียงยืน จำนวน 1,204 ครัวเรือน และอำเภอกุดรัง จำนวน 42 ครัวเรือน

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย

รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นำสื่อมวลชนตรวจความพร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว ตามนโยบายรัฐบาล 1 พฤศจิกายนนี้ พบสถานประกอบการมีม...
30/10/2021

รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นำสื่อมวลชนตรวจความพร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว ตามนโยบายรัฐบาล 1 พฤศจิกายนนี้ พบสถานประกอบการมีมาตรฐาน SHA และ SHA+ คือฉีดวัคซีนครบตามกำหนด และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
.
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 64 นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว “CHARMING Chiangmai” ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ โดยเริ่มจากการตรวจกระบวนการตรวจหาเชื้อด้วย ATK และ RT-PCR Test และสถานที่ในการรองรับผู้ป่วยของสถานพยาบาล การให้บริการนักท่องเที่ยว และมาตรการของสถานบริการ ที่พัก และร้านอาหาร
.
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจพบว่าสถานประกอบการส่วนใหญ่มีมาตรฐาน SHA และ SHA+ คือพนักงานที่ให้บริการมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่นั้น หากเป็นคนไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือมีผลการตรวจโควิดเป็นลบไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หรือติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 3 เดือน ส่วนนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาตรการจากต่างจังหวัด เช่น Phuket Sand Box และเป็นผู้ที่เดินทางมาจาก 46 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ ตามประกาศของ ศบค. หากผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย RT-PCR ครั้งแรกเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ได้
.
ด้านการบริหารจัดการเตียงของจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนี้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคทุกอำเภอ ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด ทั้งการหาจุดแยกกัก หรือ Community Isolation : CI เพื่อใช้แยกกักกลุ่มผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ พร้อมกันนี้ ได้มีการปรับเตียงส้มเป็นเตียงแดง และปรับโรงพยาบาลสนามจากรองรับผู้ป่วยเตียงเขียว เป็นรองรับผู้ป่วยเตียงเหลือง เพื่อให้มีจำนวนเตียงคงเหลือในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ทางปกครอง สาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งดำเนินการปิดล้อมพื้นที่เสี่ยง เพื่อควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว เพื่อสอดคล้องกับการรับนักท่องเที่ยว

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย

ผู้ว่าฯสกลนคร เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญน้ำสรง ผ้าไตร เครื่องสักการะ และไทยธรรมพระราชทาน ถวายแด่พระราชวชิรธรรมาจารย์ ในโอกาส...
30/10/2021

ผู้ว่าฯสกลนคร เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญน้ำสรง ผ้าไตร เครื่องสักการะ และไทยธรรมพระราชทาน ถวายแด่พระราชวชิรธรรมาจารย์ ในโอกาสพิธีบำเพ็ญกุศลวัฒนมงคลครบ 72 ปี พรรษา 52
.
วันนี้ (30 ต.ค 64) เวลา 10.00 น. ที่พิพิธภัณฑ์ศาสตราจารย์คุณรัญจวน อินทรกำแหง วัดป่าหนองไผ่ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เชิญน้ำสรง ผ้าไตร เครื่องสักการะ และไทยธรรมพระราชทาน ถวายแด่พระราชวชิรธรรมาจารย์ (สุธรรม สุธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ในโอกาสพิธีบำเพ็ญกุศลวัฒนมงคลครบ 72 ปี พรรษา 52 โดยพระราชวชิรธรรมาจารย์ ถวายอดิเรก พร้อมมอบของที่ระลึกเพื่อเชิญไปทูลถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในโอกาสต่อไป และมอบของที่ระลึกแด่ประธานในพิธี
.
พระราชวชิรธรรมาจารย์ (สุธรรม สุธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) รับภาระบริหารดูแลรักษาวัดป่าหนองไผ่นี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 โดยวัดป่าหนองไผ่ ได้ถือวัตรปฏิบัติตามแบบปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์องค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี

"มหกรรม OTOP SMES สินค้าชุมชนสู่สากล จังหวัดสมุทรปราการ" 27 – 31 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์การค้าเจเจมอลล์.     เมื่อวันที่ 28 ...
29/10/2021

"มหกรรม OTOP SMES สินค้าชุมชนสู่สากล จังหวัดสมุทรปราการ" 27 – 31 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์การค้าเจเจมอลล์
.
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เวลา 17.00 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชน และสินค้า OTOP ภายใต้ชื่องาน "มหกรรม OTOP SMES สินค้าชุมชนสู่สากล จังหวัดสมุทรปราการ" ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมี นางนงรัตน์ คงเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ นายเจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวสุกานดา แสงวงษ์ พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการ และประชาชนเข้าร่วม
.
การจัดงานมหกรรม OTOP SMES สินค้าชุมชนสู่สากล จังหวัดสมุทรปราการ ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่จะมีโอกาสพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการบริหารจัดการแก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้
มาตรฐานและเพิ่มยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าชุมชนของจังหวัดสมุทรปราการเกิดพลังความคิดในการพัฒนาสินค้าให้ทรงคุณค่าของจังหวัดสมุทราปราการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความเข้มแข็งของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตรงตามความต้องการ พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้ ซึ่งกิจกรรมภายในงานครั้งนี้ประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าชุมชน 5 ประเภท จำนวน 50 บูธ ประกอบด้วย ประเภทอาหาร จำนวน 21 บูธ ประเภทเครื่องดื่ม จำนวน 1 บูธ ประเภทผ้า/เครื่องแต่งกาย จำนวน 15 บูธ ประเภทของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก จำนวน 5 บูธ ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 8 บูธ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย เช่น การถ่ายทอดสดผ่านสตูดิโอ กิจกรรมประกวดอาหารพื้นถิ่น กิจกรรมส่งเสริมการขายนาทีทอง การจำหน่ายแบบ Live สด ผ่าน Facebook Live การจัดมินิคอนเสริ์ตจากศิลปินชื่อดังต่าง ๆ ซึ่งการดำเนินกิจกรรม ดังกล่าว ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 ตุลาคม 2564 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์

จังหวัดสมุทรสาครจัดพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2564 .       29 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห...
29/10/2021

จังหวัดสมุทรสาครจัดพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2564
.
29 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน เข็มตราสัญลักษณ์กองทุนแม่ ของแผ่นดิน พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ธงประจําพระองค์ประดับตราสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อ สก. และมอบใบประกาศเกียรติคุณกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2564
.
จังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดประกวดกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยมีหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ได้รับคัดเลือก ดังนี้ รางวัลกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปี 2564 ได้แก่ บ้านโคกขาม หมู่ที่ 2 ตําบลโคกขาม อําเภอเมืองสมุทรสาคร รางวัลชมเชย กองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปี 2564 ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองน้อย หมู่ที่ 5 ตําบลท่าเสา อําเภอกระทุ่มแบน รางวัลชมเชย กองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปี 2564 ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านปลายคลองเจ็ดริ้ว หมู่ที่ 9 ตําบลเจ็ดริ้ว อําเภอบ้านแพ้ว นอกจากนี้ยังได้มีการ เข็มตราสัญลักษณ์กองทุนแม่ของแผ่นดิน พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ธงประจําพระองค์ประดับตราสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อ สก. และมอบใบประกาศเกียรติคุณกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ให้แก่ประธานและตัวแทนคณะกรรมการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจในการร่วมสนองพระราชปณิธานการป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน ต่อไป
.
สำหรับหมู่บ้านที่เข้ารับเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ได้แก่ หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านท้องคุ้ง หมู่ที่ 5 ตําบลกาหลง อําเภอเมืองสมุทรสาคร, หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านศาลเจ้าตึก หมู่ที่ 6 ตําบลท่าเสา อําเภอกระทุ่มแบน, หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านหลักสี่ หมู่ที่ 9 ตําบลหนองบัว อําเภอบ้านแพ้ว หมู่บ้านที่รับพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง และเข็มตราสัญลักษณ์กองทุนแม่ฯ ได้แก่ หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านท้องคุ้ง หมู่ที่ 5 ตําบลกาหลง อําเภอเมืองสมุทรสาคร, หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านศาลเจ้าตึก หมู่ที่ 6 ตําบลท่าเสา อําเภอกระทุ่มแบน, หมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านหลักสี่ หมู่ที่ 9 ตําบลหนองบัว อําเภอบ้านแพ้ว รับธงประจําพระองค์ประทับตราสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อ สก. ได้แก่ นางณัฐภรณ์ ก่อนกําเนิด พัฒนาการอําเภอเมืองสมุทรสาคร, นายมานิต ไหลงาม พัฒนาการอําเภอกระทุ่มแบน, นายทศพร แก้วดี ผู้อํานวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการอําเภอบ้านแพ้ว กองทุนที่รับใบประกาศเกียรติคุณกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านโคกขาม หมู่ที่ 2 ตำบลโคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร รางวัลชมเชย กองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นระดับจังหวัด ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านปลายคลองเจ็ดริ้ว หมู่ที่ 9 ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว และ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองน้อย หมู่ที่ 2 ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานหนังสือ "เรื่องเล่าชาวคชานุรักษ์" ให้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อ...
29/10/2021

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานหนังสือ "เรื่องเล่าชาวคชานุรักษ์" ให้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งมอบให้โรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากช้าง
.
วันนี้ (29 ต.ค.64) ที่บริเวณห้องโถง ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานหนังสือ "เรื่องเล่าชาวคชานุรักษ์" จำนวน 2,000 เล่ม อำเภอละ 1,000 เล่ม โดยมี นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอสนามชัยเขต นางสาวรัศมินทร์ พฤกษาทร นายอำเภอท่าตะเกียบ เป็นผู้แทนรับพระราชทานหนังสือเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อส่งมอบให้โรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากช้าง
.
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นองค์ประธานกรรมการ “โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์” มีความหมายว่า น้ำทิพย์รักษาช้างให้แข็งแกร่งยืนยงดุจเพชร โดยมีวัตถุประสงค์การดำเนินงานเพื่อ สืบสาน รักษาต่อยอด แนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการแก้ไขปัญหาการอยู่รวมกันระหว่างคนกับช้างป่า รวมทั้งการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก
.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมช้าง จึงได้จัดพิมพ์หนังสือ "เรื่องเล่าชาวคชานุรักษ์" เพื่อพระราชทานแก่โรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากจากช้าง โรงเรียนการศึกษานอกโรงเรียน ห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัดและอำเภอ ห้องสมุดหน่วยงานท้องที่ หน่วยงานท้องถิ่น ในพื้นที่หมู่บ้านคชานุรักษ์และหมู่บ้านเครือข่าย
.
หนังสือ “เรื่องเล่าชาวคชานุรักษ์” ได้รวบรวมพฤติกรรมของช้างเพื่อให้ผู้อ่านได้ “รู้จักช้าง” รู้สาเหตุ “เมื่อช้างมาเยือน” เพื่อเตรียม “ต้อนรับแข็งขัน” ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อลดการเผชิญหน้า ลดการปะทะ และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ท้ายที่สุดก็คือเรียนรู้ที่จะ “ปรับเปลี่ยนอาชีพที่เหมาะสม” เพื่อให้คนได้อยู่ร่วมกันกับช้างได้อย่างสมดุล

ผู้ว่าฯ - นายกเหล่ากาชาด จ.อุบลราชธานี ลงพื้นที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือ ปชช. ผู้ประสบภัยศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.เมืองฯ และว...
25/10/2021

ผู้ว่าฯ - นายกเหล่ากาชาด จ.อุบลราชธานี ลงพื้นที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือ ปชช. ผู้ประสบภัยศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.เมืองฯ และวารินชำราบ สร้างความเชื่อมั่น "ภาครัฐไม่ทอดทิ้งประชาชน"

วันนี้ (25 ต.ค. 64) เวลา 07.30 น. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในช่วงค่ำวานนี้ (24 ต.ค.64 เวลา 20.00 น.) ตนพร้อมด้วยนางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ซึ่งในขณะนี้ทางจังหวัดอุบลราชธานี ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวชุมชนวัดบูรพา 3 (บ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครอุบลราชธานี) โดยมีประชาชนอพยพขึ้นมาพักอาศัยชั่วคราวแล้ว จำนวน 24 ครัวเรือน 78 คน และจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวชุมชนบ้านกุดระงุม ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ มีประชาชนอพยพขึ้นมาพักอาศัยชั่วคราวแล้ว จำนวน 6 ครัวเรือน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้งสองแห่ง พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหาร ผลไม้ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ให้แก่ครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัย จำนวนครัวเรือนละ 1 ชุด และรับฟังสภาพปัญหา ความเป็นอยู่ รวมทั้งแจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำในปัจจุบันให้ประชาชนได้รับทราบ พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจว่า "ภาครัฐไม่ทอดทิ้งประชาชน" และจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน

"ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานีได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกด้าน อย่างทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางอย่างต่อเนื่องกับพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เราจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน และเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เราจะร่วมกันฟื้นฟูและเยียวยาพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป" นายพงศ์รัตน์ กล่าวในตอนท้าย

03/06/2021
กระทรวงมหาดไทย ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะผู้บริหารระดับสูง ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔

26/09/2020
โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดชัยภูมิ

สำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ร่วมกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชัยภูมิ เชิญชวนรับชมโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดชัยภูมิ เพื่อเป็นตัวอย่างให้พื้นที่อื่นๆ ได้เห็นประโยชน์ของงานจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่และนำวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ไปใช้พัฒนาเมืองของตนต่อไป

13/04/2020
ปีใหม่ไทย ๖๓

❌ 4 ไม่ ✅ 3 ทำ ต้อนรับปีใหม่ไทย ๒๕๖๓

❌ ไม่เล่นน้ำ
❌ ไม่กลับบ้าน
❌ ไม่รดน้ำผู้ใหญ่
❌ ไม่ฉลอง
✅ สรงน้ำพระที่บ้าน & ทำบุญ-บริจาคออนไลน์ 🙏
✅ ไหว้ขอพรผู้ใหญ่ห่าง ๆ 2 เมตร (Social Distancing) 🙏
✅ VDO Call กัน ทำใจให้ใกล้กัน 💌💌

👌ปีใหม่ไทย สงกรานต์สุขสันต์ ร่วมใจสกัดกั้นโควิด-19👌
#อยู่บ้าน #หยุดเชื้อ #เพื่อทุกคน

ข่าวด่วน.. ‼️🤚🤚คนไทย 152 คน ที่เดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (3เม.ย.63) และไม่เข้ามาตรการกักตัว 14 วัน📍📍ข...
04/04/2020

ข่าวด่วน.. ‼️

🤚🤚คนไทย 152 คน ที่เดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (3เม.ย.63) และไม่เข้ามาตรการกักตัว 14 วัน

📍📍ขอให้ไปรายงานตัว ณ สถานที่ ดังนี้

1. ผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ EOC สนามบินสุวรรณภูมิ เบอร์ 0-2132-9950

2. ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดให้ไปรายงานตัวที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางทุกจังหวัด ภายในเวลา 18.00 น. วันนี้ (4 เม.ย.63)

⚠️⚠️ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

กรมการปกครอง ขอชี้แจงกรณีเกิดความเข้าใจผิดว่า “ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ในระยะที่ 3” ทั้งนี้​ หากมีข้อสง...
11/03/2020

กรมการปกครอง ขอชี้แจงกรณีเกิดความเข้าใจผิดว่า “ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ในระยะที่ 3”

ทั้งนี้​ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักกิจการความมั่นคงภายใน (สน.มน.) กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หมายเลขโทรศัพท์ 0-2226-0533

ที่มา...https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3618330221574094&id=146978675375950

ที่อยู่

Bangkok
10200

เบอร์โทรศัพท์

+6622221871

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Atมหาดไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Atมหาดไทย:

วิดีโอทั้งหมด

ตำแหน่งใกล้เคียง บริการภาครัฐ


องค์กรของรัฐ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด

ความคิดเห็น

ผู้ว่าฯ ระยอง พบปะประชาชนทางออนไลน์ในวันเปิดประเทศนำร่องเพื่อการท่องเที่ยว

การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กำลังจะกลายเป็นสโลแกนเก่า เพราะรัฐบาลกำลังจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า ให้พี่น้องประชาชนกลับมาทำมาประกอบอาชีพให้ใกล้ปกติมากที่ และจังหวัดระยองของเราก็เป็นหนึ่งใน 17 จังหวัด “พื้นที่สีฟ้า” เริ่มนำร่องให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเที่ยวได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

เมื่อทุกคนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ในวันนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับความปกติใหม่ หรือ New Normal เพื่อให้เศรษฐกิจได้เดินหน้า ในขณะที่เรายังคงปลอดภัยจากโควิดโดยร่วมกันรณรงค์การป้องกันอย่างครอบจักรวาล โดยปฏิบัติตามมาตรการให้เคร่งครัดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากาก การล้างมือ เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด ควบคู่กับการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคหากเกิดการติดเชื้อ

ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 ทั้ง 260 คน ข้อมูลที่สำคัญก็คือกว่าร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับวัคซีน บางส่วนเหตุผลเนื่องมากจากกลุ่มคนดังกล่าวติดบ้าน ติดเตียง มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ มีกิจวัตรประจำวันมีความเสี่ยงน้อยมากจึงอาจ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว บุคคลกลุ่มดังกล่าว ติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ดังนั้น สมาชิกในครอบครัว จึงต้องช่วยกันดูแล เร่งพาพ่อแม่ปู่ย่าตายาย และญาติพี่น้องที่มีความเสี่ยงสูงไปฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกัน

อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่า เมื่อโลกของเรามีวัคซีนเพียงพอ มียารักษาที่มีประสิทธิภาพกระจายไปอย่างทั่วถึง โรคโควิดจะเปลี่ยนจากโรคระบาด กลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งถึงเวลานั้น ประชาชนทุกคนจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเองในขณะนี้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเร่งรณรงค์ให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมารับวัคซีน

เราเสียโอกาสในชีวิตไปหลายอย่างเพราะโควิด วันนี้ ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับปกติใหม่ หรือ New Normal ต้องหาเกราะให้ตัวเอง เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ และอยู่กับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัย



https://youtu.be/deuk9wUNkZk
ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เปิดจวนมอบถุงยังชีพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ “ถุงปันสุข” ทุกวันอาทิตย์ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (31ต.ค.64) ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายมนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกัมปนท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอบ้านนาสาร สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอาสาสมัคร โดยมีประชาชนร่วมบริจาคสิ่งของอีกด้วย ได้แก่ ข้าวกล่อง ข้าวเหนียว น้ำดื่ม ผลไม้ ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และของเด็กเพื่อมอบให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการ “ตู้ปันสุข ” โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้จัดระเบียบแถวตามมาตรการด้าน สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยบรรยากาศในเข้าวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ยังคงเดินหน้ามอบถังปันสุขให้แก่พี่น้องประชาชน ที่ออกมารอรับสิ่งของ ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ภาคส่วน ต่างๆ ได้จัดเตรียมไว้ให้

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สำหรับการจัดทำ “ถุงปันสุข” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการแจกจ่ายสิ่งของให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา หลังเกิดสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งมีประชาชนกลุ่มเปาะบาง และ ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ก็จะเดินทางมาเปิดตู้ปันสุข รับสิ่งของไปรับประทานทุกวัน ซึ่งการจัดทำตู้ปันสุข ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชน ในพื้นที่ซึ่งได้ร่วมกันนำสิ่งของมาร่วมสมทบเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตลอดมา และบางส่วนก็นำอาหารกล่องปรุงสุกมาใส่ที่ตู้ปันสุขให้ประชาชนที่เดือดร้อนมารับไปใช้ในครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่สถานการณ์ โควิด-19 ระบาดขึ้นในละลอกใหม่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้าง จึงได้ปรับแนวทางด้วยการมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อนทุกวันอาทิตย์ ซึ่งการบริจาคสิ่งของในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและที่สำคัญช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าฯ ตรัง ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจเยี่ยมพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลนครตรัง พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด หลังเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในตลาด

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจเยี่ยมพ่อค้า-แม่ค้า ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด เนื่องจากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในหลายคลัสเตอร์ ทั้งคลัสเตอร์ตลาดสด ตลาดนัด จังหวัดตรัง จึงได้คุมเข้มตลาดนัด ตลาดสดในพื้นที่ พร้อมกำหนดให้มีการจัดทำทะเบียนประวัติแม่ค้าทุกรายที่มาจำหน่ายสินค้าในตลาดแห่งนั้น พร้อมทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุด Antigen test kit หรือ ATK ในทุกสัปดาห์ พร้อมติดบัตรประจำตัว เพื่อแสดงให้เห็นว่าผ่านการตรวจแล้ว ผลเป็นลบ ขณะเดียวกัน ก็จะแยกคนติดเชื้อออกมาเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาและให้แม่ค้าทุกรายสวมถุงมือ นอกจากนี้ ยังได้คุมเข้มมาตรการต่าง ๆ ทางสาธารณสุข และให้ทางอำเภอได้จัดชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ อย่างต่อเนื่อง หากพบการฝ่าฝืน สามารถใช้ดุลยพินิจในการสั่งปิดตลาดแห่งนั้นได้
สำหรับตลาดที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลนครตรัง ประกอบด้วย ตลาดสดเทศบาลนครตรัง ตลาดท่ากลาง ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยซ์ ตลาดกองทุน และตลาดบ้านโพธิ์ ทางเทศบาลนครตรัง ได้กำหนดมาตรการลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับตลาดในเขตเทศบาลนครตรัง ดังนี้
1. ให้เจ้าของตลาด หรือผู้จัดการตลาดจัดทำบัญชีรายชื่อพ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในตลาดทุกคน รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 โดยจัดส่งให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลนครตรัง (ศปก.ทน.ตรัง) ภายใน 3 วันนับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
2. ในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เจ้าของตลาดหรือผู้จัดการตลาดคัดกรอง พ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงาน ในตลาดทุกคนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kits (ATK) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหากพบว่าผลการตรวจคัดกรองเป็นบวก ให้แจ้งกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมโดยทันที และเข้ารับการกักตัวในชุมชน (Community Isolation : CI) ที่ทางราชการกำหนด
3. ให้พ่อค้า/แม่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในตลาด สวมถุงมือตลอดเวลาที่ปฏิบัติงานและให้ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A (“รักษาระยะห่าง” “การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย” “การล้างมือ” “การตรวจวัดอุณหภูมิ” “การตรวจเชื้อโควิด-19” และ “การติดตั้งแอปพลิเคชั่นไทยชนะ/หมอชนะ” อย่างเคร่งครัด)
4. กำหนดให้มีทางเข้า-ออก ที่ชัดเจน และมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ กรณีพบว่าบุคคลดังกล่าว มีอุณหภูมิตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ขึ้นไป หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ ห้ามให้บุคคลดังกล่าวเข้าในสถานที่ และแนะนำให้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการทางการแพทย์ใกล้บ้าน
5. ทำความสะอาด บริเวณพื้นตลาด แผงจำหน่ายสินค้า ด้วยน้ำยาทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันหรืออาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย และทำความสะอาดตลาดตามหลักสุขาภิบาล อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
6. บริเวณที่พักขยะ ต้องรวบรวมขยะไปกำจัดให้หมด และทำความสะอาด
7. ให้มีการประชาสัมพันธ์มาตรการของตลาดให้ผู้ใช้บริการทราบอย่างสม่ำเสมอ
8.ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคแนะนำหรือมาตรการที่จังหวัดตรังกำหนดอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
ผวจ.ร้อยเอ็ด นำคณะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย ในเขตพื้นที่อำเภอจังหาร

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นางดนิตา สมจิตต์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดร้อยเอ็ด , พลตรีวรเชษฐ์ ชวนะนรเศรษฐ์ ผู้บังคับบัญชามณฑลทหารบกที่ 27 , นายสนอง ดลประสิทธิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด , นายนิมิต ปัทมเจริญ นายอำเภอจังหาร หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดร้อยเอ็ด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ประสบภัยอทุกภัย ณ เขตพื้นที่อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งมอบสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ มอบรองเท้าบูท จำนวน 56 คู่ EMBALL ให้กับผู้ประสบภัยตำบลม่วงลาด , มอบรองเท้าบูท จำนวน 110 คู่ EMBALL ให้กับผู้ประสบภัยตำบลดงสิงห์ , มอบรองเท้าบูท จำนวน 74 คู่ EMBALL และสุขากระดาษให้กับผู้ประสบภัยตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ประสบภัย

ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดได้ประสบภัยอุทกภัย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณตอนบนของลุ่มน้ำชีในวันที่ 23 - 25 ก.ย.64 ในเขต จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดขอนแก่น จึงทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำชีเอ่อล้นตลิ่งและไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำชีในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 64 เป็นต้นมา ส่งผลให้ขณะนี้มีน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรจำนวน 10 อำเภอ 41 ตำบล 302 หมู่บ้าน 9,199 ครัวเรือน มีนาข้าวได้รับผลกระทบ 77,034 ไร่ ประมง 555.25 ไร่ ปศุสัตว์ 32,924 ตัว และมีที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ 11 ตำบล 34 หมู่บ้าน 427 หลัง โดยท่วมบ้านเรือน รวม 276 ครัวเรือน แยกเป็นที่อำเภอจังหาร 238 ครัวเรือน อำเภอเชียงขวัญ 38 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย พนังคันดินชำรุด 2 แห่ง คือ จุดบ้านดินแดง ตำบลดงสิงห์ และจุดบ้านเปลือยตาล ตำบลดงสิงห์ อำเภอจังหาร และขณะนี้ทุกภาคส่วนได้เร่งดำเนินการเข้าไปให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวร้อยเอ็ดที่ประสบอุทกภัย

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย
จังหวัดมหาสารคาม มอบถุงยังชีพกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

วันนี้ (30 ต.ค. 64) นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ด้วยคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าสืบเนื่องจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ทำให้มีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ดำเนินการโอนเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จัดหาถุงยังชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 300 ชุด ในราคาชุดละไม่เกิน 700 บาท เป็นเงิน 210,000 บาท ซึ่งจังหวัดมหาสารคาม ได้มอบหมายที่ทำการปกครองจังหวัดมหาสารคาม (ฝ่ายการเงินและบัญชี) รับผิดชอบในการจัดหาถุงยังชีพผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 300 ชุด โดยให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

โดยในวันนี้ นายธรรมนูญ แก้วคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพของ “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 4 จุด ได้แก่ 1) บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลลาดพัฒนา จำนวน 114 ครัวเรือน 2) บริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบุ่งคล้า ตำบลลาดพัฒนา จำนวน 75 ครัวเรือน 3) บริเวณวัดวารินทราวาส บ้านท่าตูม ตำบลท่าตูม จำนวน 69 ครัวเรือน และ 4) บริเวณบ้านกุดเวียน ตำบลท่าตูม จำนวน 53 ครัวเรือน

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 จังหวัดมหาสารคาม น้ำในแม่น้ำชีเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ใน 5 อำเภอ 28 ตำบล 239 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย 13 ตำบล 102 หมู่บ้าน อำเภอกันทรวิชัย 7 ตำบล 79 หมู่บ้าน อำเภอเมืองมหาสารคาม 5 ตำบล 39 หมู่บ้าน อำเภอเชียงยืน 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน และอำเภอกุดรัง 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน มีที่นาได้รับผลกระทบ 122,013 ไร่ พืชไร่ 187 ไร่ และมีหมู่บ้านถูกตัดขาด 2 อำเภอ 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลโพนงาม ตำบลยางท่าแจ้ง ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย และตำบลมะค่า ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย หมู่บ้านถูกตัดขาดต้องสัญจรด้วยรถยกสูงและเรือเท่านั้น สำหรับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย จำนวน 2,298 ครัวเรือน รพ.สต. 3 แห่ง โรงเรียน 6 แห่ง วัด 9 แห่ง อำเภอกันทรวิชัย จำนวน 2,216 ครัวเรือน รพ.สต. 1 แห่ง โรงเรียน 5 แห่ง วัด 12 แห่ง อำเภอเมืองมหาสารคาม จำนวน 1,388 ครัวเรือน วัด 18 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง อำเภอเชียงยืน จำนวน 1,204 ครัวเรือน และอำเภอกุดรัง จำนวน 42 ครัวเรือน

#ข่าวภูมิภาค #กระทรวงมหาดไทย
x

องค์กรของรัฐ อื่นๆใน Bangkok (แสดงผลทั้งหมด)

Mahadthai การต่างประเทศ DOPA Foreign Affairs DOPA Careers - สมัครงานกรมการปกครอง Mahatthai Kalahom Police Radio (Thailand) New Trend CMG Spaghetii-Gaming Nubnib shop Macey Banks สำนักงานการต่างประเทศ กรุงเ สน.จักรวรรดิ sirirajpr Moovi Show