23/01/2021
Siriraj Museum - พิพิธภัณฑ์ศิริราช
แรงบันดาลใจจากครูแพทย์ ผศ. นพ.จักรพงศ์ นะมาตร์ อดีตหัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา
“ผมไม่ได้อยากเป็นจักษุแพทย์ (หมอตา) เพื่อหารายได้ให้กับตัวเอง สิ่งที่ผมอยากเป็น คือ “ครูแพทย์”…เพราะการสร้างคนเป็นสิ่งสำคัญ ประเทศชาติจะเจริญได้ ผมคิดว่า เราต้องสร้างคนก่อนครับ... ถ้าให้ผมเรียนไปเพื่อประกอบอาชีพเฉย ๆ ขอว่าอย่ารับเลยครับ”
บางครั้งชีวิตของคนเรา ก็เหมือนชะตาฟ้าลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ… สมาชิกในครอบครัว ผศ. นพ.จักรพงศ์ นะมาตร์ ต่างก็ประกอบอาชีพ “แพทย์” กันทั้งนั้น เช่น บิดาของอาจารย์ ศ.เกียรติคุณ นพ.บรรจงศักดิ์ นะมาตร์ ปูชนียาจารย์ด้านจักษุแพทย์ แต่... แรงบันดาลใจในการเป็นแพทย์สำหรับ อ.จักรพงศ์ แทบจะไม่มีเลย ด้วยเคยเห็นว่าอาชีพหมอนั้น เป็นอาชีพที่ลำบาก ต้องทำงานหนัก แต่แล้วก็มีจุดพลิกผันในชีวิต...
เมื่อครั้ง อ.จักรพงศ์ สอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณพ่อของอาจารย์ให้สมัครเรียนแพทย์ทั้ง 6 อันดับ อาจารย์เองก็ยอมตามนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากเรียนแพทย์เป็นทุนเดิม จึงไม่ตั้งใจทำข้อสอบ ผลคือ สอบไม่ติดสักอันดับ จนวันหนึ่งคุณพ่อและคุณแม่ได้มาบอกว่า อยากให้ลองสอบแพทย์ใหม่อีกครั้ง... อาจารย์จึงบอกคุณพ่อไว้ก่อนว่า ผมเป็นคนขี้สงสารคนนะ ถ้าเป็นหมอ ผมทิ้งคนไข้ไม่ได้ ...และถ้าเปิดคลินิกก็คง ไม่กล้าเก็บเงินแพง อาจจะขาดทุนเอาได้ แต่คุณพ่ออาจารย์กลับบอกว่า …ก็ดีน่ะสิ การมีจิตใจเมตตาสงสารเพื่อนมนุษย์น่ะ คือ คุณสมบัติของหมอที่ดี ...สุดท้าย อ.จักรพงศ์ จึงต้องตัดสินใจไปสอบแพทย์เพราะไม่อยากขัดใจคุณพ่อ
หลังจากสอบเข้าเรียนแพทย์ได้แล้ว คุณพ่อชักชวนให้ อ.จักรพงศ์ เป็นจักษุแพทย์เหมือนท่าน อาจารย์จึงสมัครเป็นแพทย์ประจำบ้าน หลังจากนั้นได้รับบรรจุเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา และดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยาตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561
อ.จักรพงศ์ รู้สึกภูมิใจมาก ด้วยเห็นว่าอาชีพ “ครู” คือ อาชีพที่กำหนดอนาคตของประเทศได้... ก่อนช่วงพ.ศ. 2530 ภาควิชาจักษุวิทยา ยังไม่มีการจัดอาจารย์แพทย์อยู่เวรกลางคืน ตอนนั้นไม่ว่าคนไข้ ลูกหลานใครเป็นอะไร อ.จักรพงศ์ ก็วิ่งมาดูหมด แม้ในช่วงดึก มาด้วยความสงสาร จะทิ้งให้ผู้ป่วยตาบอดได้อย่างไร ท่านอาสามาเอง วิ่งไป-กลับบ้านกับโรงพยาบาลศิริราชอยู่แบบนี้ เป็นเวลากว่า 15 ปี จนญาติพี่น้องเข้าใจผิดมาตลอดว่าอาจารย์ชอบไปเที่ยวกลางคืน ...อาจารย์เห็นว่าการรักษาผู้ป่วยนั้น ควรรักษาตั้งแต่แรก ๆ จะได้ผลดีที่สุด จึงมีการจัดตารางเวรหน่วยย่อยของทุกหน่วยในภาควิชาจักษุวิทยาในภายหลัง
สุดท้ายนี้ สิ่งที่อ.จักรพงศ์อยากจะฝากถึงใครก็ตามที่อยากจะมาเรียนแพทย์ ประการแรก คือ... หากจะมาเรียนแพทย์ เพื่อมาเป็นเศรษฐี ให้รวยแบบนักธุรกิจนั้น ทำไม่ได้ ...ทว่า เป็นแพทย์ แล้วทำให้ตนเองอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขนั้น เป็นไปได้เสมอ ...เพราะอาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่ดี มีเกียรติ มีโอกาสได้ช่วยเหลือคน ดังพระอนุศาสน์ในสมเด็จพระบรมราชชนก กล่าวไว้ว่า
“อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีไม่ร่ำรวย แต่ไม่อดตาย
ถ้าใครอยากร่ำรวย ควรเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่แพทย์
แพทย์ต้องยึดมั่นในอุดมคติ คือ เมตตา กรุณา”
ประการที่สอง จะต้องเป็นแพทย์ที่รอบรู้และรู้รอบ คือ มีความรู้เรื่องต่าง ๆ กว้างขวาง เช่น เศรษฐศาสตร์ ศิลปะ จิตวิทยา การเรียนรู้จิตใจผู้คน... ไม่ใช่ศึกษาวิชาแพทย์เพียงอย่างเดียว หากรู้เรื่องใดอย่างผิวเผิน ไม่รู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง จะทำให้ช่วยเหลือคนไม่ได้มากเท่าที่ควร
อ้างอิง
- สัมภาษณ์ ผศ.นพ.จักรพงศ์ นะมาตร์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา (2 ตุลาคม พ.ศ. 2557- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561)
#พิพิธภัณฑ์ศิริราชมีมากกว่าที่คุณคิด #ครูแพทย์ #อาจารย์จักรพงศ์ #จักษุแพทย์ #หมอตา