ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.

ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์)

ตำรวจไซเบอร์ เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั่วราชอาณาจักร
มุ่งเน้นในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นภัยคุกคามหลายรูปแบบที่เพิ่มขึ้นในโลกดิจิทัลปัจจุบัน การรวบรวมข้อมูล พิสูจน์หลักฐานดิจิทัล ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิด โดยบุคลากรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือพิเ

ศษและเทคนิคเฉพาะทาง ในการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
ตำรวจไซเบอร์ ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมไซเบอร์ อย่างมืออาชีพ ที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”

🚩🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨❗ วิธีสังเกตเพจปลอม รู้ไว้ไม่โดนหลอก⚠️6 ทริค จับเพจปลอม :➔ เพจต้องได้รับการยืนยัน มีเครื่องหมายรั...
26/08/2023

🚩🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨
❗ วิธีสังเกตเพจปลอม รู้ไว้ไม่โดนหลอก
⚠️6 ทริค จับเพจปลอม :
➔ เพจต้องได้รับการยืนยัน มีเครื่องหมายรับรองตัวตน Verified badge
➔ ดูรายละเอียดของเพจ เช่นวันที่สร้างเพจ และเพจเคยมีการเปลี่ยนชื่อเพจมาก่อนหรือไม่ ถ้าเพจนั้นเพิ่งสร้างขึ้นมาไม่นานหรือมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพจให้คิดไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นเพจปลอม
➔ ระวังโดนหลอกยอดคนถูกใจ เพราะเพจปลอมมักมีผู้ติดตามน้อย มิจฉาชีพ อาจพิมพ์ยอดผู้ติดตามปลอมไว้ที่รายละเอียดของเพจซึ่งถ้ามองผ่านๆ ก็จะคล้ายจำนวนผู้ติดตามจริง
➔ ชื่อเพจสะกดถูกต้องหรือไม่ มิจฯ มักทำเลียนแบบ อาจจะมีจุดหรืออักขระพิเศษ เช่น เพจจริง thaipolice เพจปลอมอาจจะเติม thaipoliice เป็นต้น
➔ การโพสต์เนื้อหาและโต้ตอบในเพจ จำนวนคนกดไลก์ และคอมเมนต์ คือในแต่ละโพสต์อาจจะมีผู้คนสนใจและโต้ตอบน้อย หรืออาจจะมีคอมเมนต์ที่ตำหนิ เช่น สั่งสินค้าไปไม่ได้รับของเลย
➔ สังเกตที่ url ของเพจอาจเป็นคำแปลกๆที่ไม่มีความหมาย
❌ไม่เชื่อ ❌ไม่รีบ ❌ไม่โอน
💌 "ตำรวจไซเบอร์ ให้ความรู้ รู้ทันความคิดมิจฉาชีพ”
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #เพจปลอม #สังเกตเพจปลอม #หลอกขายสินค้า #หลอกลงทุน
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
🚨 ด้วยความห่วงใย จากตำรวจไซเบอร์
📱โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
💻https://www.thaipoliceonline.com/
📲 หรือ แอดไลน์ แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง

หยุดอ่านสักนิด ❗️ เพราะคุณกำลังจะช่วยชีวิตผู้ป่วยถึง 3 คน30 สิงหาคมนี้ ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิต เพื่อต่อชีวิตผู้ป่วยกองบัญช...
25/08/2023

หยุดอ่านสักนิด ❗️ เพราะคุณกำลังจะช่วยชีวิตผู้ป่วยถึง 3 คน
30 สิงหาคมนี้ ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิต เพื่อต่อชีวิตผู้ป่วย
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรม "รวมใจบริจาคโลหิต รวมมิตรต่อชีวิตผู้ป่วย" เพื่อนำโลหิตที่ได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยังรอรับการช่วยเหลือ โดยโลหิต 1 ถุง ที่ได้จากการบริจาค สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้มากสุดถึง 3 ราย
ผู้ที่สนใจร่วมทำกุศลครั้งนี้ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ในวันพุธที่ 30 สิงหาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. ณ อาคารประชุมสัมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) ถ.ป๊อบปูล่า ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี (สามารถตรวจสอบเส้นทางการเดินทางได้ โดยสแกนคิวอาร์โค้ดที่มุมซ้ายล่างของภาพ)
❤️ช่วยแชร์ไป เพื่อเป็นสะพานบุญให้ผู้ป่วย
#ตำรวจไซเบอร์ #ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ #สภากาชาดไทย #บริจาคโลหิต #รวมมิตร

👮🏻‍♀️ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย📢 โอนเงินผิดบัญชี อยากได้เงินคืน ต้องทำอย่างไร📌 กรณี "เรา" เป็นคนโอนเงินผิดบัญชี1. เมื่อรู้ว่าโ...
25/08/2023

👮🏻‍♀️ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย
📢 โอนเงินผิดบัญชี อยากได้เงินคืน ต้องทำอย่างไร
📌 กรณี "เรา" เป็นคนโอนเงินผิดบัญชี
1. เมื่อรู้ว่าโอนเงินไปผิดบัญชี ให้ติดต่อธนาคารที่เราเปิดบัญชี
2. เตรียมหลักฐาน หรือเอกสารต่างๆ เช่น สลิปใบบันทึกรายการ, สำเนาบัตรประชาชน, ข้อมูลวันเวลาและจำนวนเงินที่ทำรายการ, เลขและชื่อบัญชีที่เราโอนผิด เป็นต้น
3. ธนาคารรับทราบปัญหา และแจ้งระยะเวลาการดำเนินการให้เราทราบ
📌 กรณี "เขา" โอนเงินผิดมาบัญชีของเรา
1. เมื่อมีสายติดต่อมาแจ้งเรื่องโอนเงินผิด ให้สอบถามให้ชัดเจนว่า โอนมาจากธนาคารอะไร วันและเวลาอะไร จำนวนเงินเท่าไหร่
2. เราควรจะไปติดต่อธนาคารของเราโดยตรง เพื่อตรวจสอบข้อมูล ถ้าพบว่าเงินที่โอนเข้ามาผิดบัญชีจริง ๆ ก็ให้ความยินยอมแก่ธนาคารในการโอนเงินกลับไปให้เจ้าของบัญชี
⚠️ธนาคารจะเป็นผู้ประสานงานติดต่อบัญชีปลายทาง เพื่อให้ความยินยอมโอนเงินคืนกลับมาต่อไป
✅ถ้าผู้รับโอน "ยินยอม" คืนเงิน
ธนาคารก็จะโอนเงินส่วนเดิมเข้าบัญชีให้กับเราเอง
❌ถ้าผู้รับโอน "ไม่ยินยอม" คืนเงินหรือติดต่อไม่ได้
แจ้งความกับตำรวจ เพื่อมีผลทางกฎหมายให้ธนาคารผู้รับโอนดำเนินการอายัดบัญชี หรือเปิดเผยข้อมูลบัญชีเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย

❌ไม่เชื่อ ❌ไม่รีบ ❌ไม่โอน
💌 "ตำรวจไซเบอร์ ให้ความรู้ รู้ทันความคิดมิจฉาชีพ"
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย #โอนเงินผิดบัญชี #ประสานงานธนาคาร
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
🚨 ด้วยความห่วงใย จากตำรวจไซเบอร์
📱โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
💻https://www.thaipoliceonline.com/
📲 หรือ แอดไลน์ แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง

แถลงปฏิบัติการ "ล่า รัก(ลัก) ลวง"รวบขบวนการลอบขายข้อมูลส่วนบุคคลและ 2 ตัวการสำคัญแก๊งโรแมนซ์สแกมกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอ...
24/08/2023

แถลงปฏิบัติการ "ล่า รัก(ลัก) ลวง"
รวบขบวนการลอบขายข้อมูลส่วนบุคคล
และ 2 ตัวการสำคัญแก๊งโรแมนซ์สแกม
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / วันนี้ (24 ส.ค.66) เวลา 13.00 น.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,
พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.,
พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2,
พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5,
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว Operation Take Down ปฏิบัติการ “ล่า รัก(ลัก) ลวง” กรณีจับกุมกลุ่มขบวนการคนร้ายซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) กว่า 15 ล้านรายชื่อ และ กรณีจับกุมกลุ่มขบวนการ “หลอกรักออนไลน์” (Romance Scams) ณ อาคารประชุมสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)
1.ตำรวจไซเบอร์จับกุมกลุ่มขบวนการคนร้ายซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) กว่า 15 ล้านรายชื่อ
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์จับกุมตัว นายผดุงเกียรติ หรือเบนซ์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา กรณีขายข้อมูลส่วนบุคคล กว่า 2 ล้านรายชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทา ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตามที่กฎหมายได้รับรองไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล อาทิ การโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวง โฆษณาชี้ชวนให้เข้าทำสัญญาต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ และ การส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเจ้าของมิได้มีเจตนาในการรับข้อความนั้น ๆ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมาย พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ออกสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง ผลการตรวจสอบปรากฏข้อมูลรายละเอียดการเสนอขายฐานข้อมูลจาก นายศุภากรณ์ หรือปลื้ม ให้กับนายผดุงเกียรติ์ หรือเบนซ์ (ผู้ถูกจับ) ผ่านแชทบัญชีเฟซบุ๊ค โดยพบหลักฐานมีการตกลงซื้อขายข้อมูลจำนวนกว่า 2 ล้านรายชื่อ ในราคา 7,000 บาท โดยการชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารในชื่อนายศุภากรณ์
ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่า นายศุภากรณ์ฯ มาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ พุทธมณฑลสาย 3 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ จึงวางแผนเข้าจับกุมและสามารถจับกุมตัว นายศุภากรณ์ฯ อายุ 24 ปี ในความผิดฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศฯ จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากเจ้าพนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น”
พล.ต.ต.ชรินทร์ฯ เปิดเผยว่าในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ประกอบอาชีพเป็นคนกลาง รับซื้อข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อขายอาหารเสริมยี่ห้อดัง และจากกลุ่มสีเทา ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 15,000,000 รายชื่อ นำมาโพสต์ขายต่อในเฟซบุ๊ก มีรายได้จากการกระทำดังกล่าวสูงสุดกว่า 400,000 บาท ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จับกุมในที่สุด
2.ตำรวจไซเบอร์จับกุมกลุ่มขบวนการ “หลอกรักออนไลน์” (Romance Scams)
สืบเนื่องจากกรณีผู้เสียหาย แจ้งความระบบการแจ้งความออนไลน์ กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน โดยคนร้ายใช้เทคนิคทางจิตวิทยาผ่านแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรม ส่งข้อความมาในลักษณะชวนคุย เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งได้พูดคุยกันเรื่อยมา จนกระทั่งคนร้ายอ้างว่าจะส่งของมาให้เป็นเงินจำนวน 50,000 ปอนด์ พร้อมด้วยทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ แต่ผู้เสียหายต้องโอนชำระเงินค่าขนส่งไปให้ก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป มูลค่าความเสียหาย 1,090,000 บาท
พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 จึงได้เร่งรัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ออกสืบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง จนทราบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้เสียหายในระบบแจ้งความออนไลน์ จำนวน 7 Case Id มูลค่าความเสียหายรวม 18,542,500 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 จึงได้สืบสวนสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายค้น และเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 23 ส.ค.66 ที่ผ่านมาจำนวน 7 จุด ดังนี้
1) ห้องพักคอนโด ซอยสุขุมวิท 38 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
2) ห้องพักแมนชัน ซอยรัชดาภิเษก 7 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
3) ห้องพักคอนโด ซอยสุขุมวิท 34 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
4) ห้องพักคอนโด ถนนนราธิวาส ซอย 9 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
5) บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
6) บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 1 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
7) บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ MRS.MYINT สัญชาติเมียนมา และ MR.SHOON สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางที่ตรวจยึดอายัด รถยนต์หรู, Macbook, Ipad, ธนบัตรดอลลาร์, ธนบัตรพม่า, ธนบัตรไทย, สมุดบัญชีธนาคาร พร้อมของกลางอื่นอีกหลายรายการ
ซึ่งการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #ขายข้อมูล #ข้อมูลส่วนบุคคล #โรแมนซ์สแกม

24/08/2023

แถลงกรณีจับลอบขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 2 ล้านราย และ รวบ 2 ตัวการสำคัญแก๊งโรแมนซ์สแกม

ฉันต้องทำอย่างไร เมื่อโดนโจรออนไลน์หลอกโอนเงินสมาคมธนาคารไทย สรุป 4 ขั้นตอนเข้าใจง่ายมาให้แล้ว1. โทรแจ้งสายด่วนธนาคารเพื...
24/08/2023

ฉันต้องทำอย่างไร เมื่อโดนโจรออนไลน์หลอกโอนเงิน
สมาคมธนาคารไทย สรุป 4 ขั้นตอนเข้าใจง่ายมาให้แล้ว
1. โทรแจ้งสายด่วนธนาคารเพื่อแจ้งระงับการทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชม. (สามารถดูเบอร์สายด่วนได้ที่หน้าเพจ "ตำรวจไซเบอร์-บช.สอท.")
2. เมื่อธนาคารได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ธนาคารจะระงับธุรกรรมชั่วคราวและแจ้งให้ธนาคารปลายทางตรวจสอบและระงับการทำธุรกรรมชั่วคราว 72 ชั่วโมง
3. ธนาคารที่ผู้เสียหายมีบัญชีจะทำการออก Bank Case ID เพื่อให้ผู้เสียหายนำไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน
4. พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์แล้วแจ้งธนาคารเพื่อขยายเวลาระงับธุรกรรมเป็น 7 วัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #สมาคมธนาคารไทย #เตือนภัย #โจรออนไลน์ #อายัดบัญชี #ระงับธุรกรรม

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨 📱ระวัง! มิจฉาชีพตีเนียนนโยบายการเมือง หลอกกดลิงก์ติดตั้งแอปปลอมปัจจุบันมิจฉาชีพมักจะหารูปแบบ และก...
23/08/2023

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨
📱ระวัง! มิจฉาชีพตีเนียนนโยบายการเมือง หลอกกดลิงก์ติดตั้งแอปปลอม
ปัจจุบันมิจฉาชีพมักจะหารูปแบบ และกลวิธีต่างๆ ในการนำมาหลอกลวง เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ โดยมักจะส่ง SMS หรือข้อความแชท ที่มีข้อความสื่อถึงสถานการณ์ หรือประเด็นเด่นในช่วงนั้น ในการเชิญชวนให้กดลิงก์ที่แนบมาด้วย ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกก่อนจะนำไปสู่การหลอกให้ติดตั้งแอปปลอม และโอนเงินให้คนร้ายในที่สุด
ตำรวจไซเบอร์จึงขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการ
♦️กดลิงก์ต่างๆ ที่แนบมาทาง SMS หรือข้อความแชทต่างๆ
♦️การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ว่าเป็นแอปจริงหรือไม่ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
#หลอกกดลิงก์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตำรวจไซเบอร์

23/08/2023

ตร.ไซเบอร์จับพ่อค้าคนกลาง ลอบขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 2 ล้านราย
พร้อม รวบ 2 ตัวการสำคัญแก๊งโรแมนซ์สแกม
เตรียมแถลง พรุ่งนี้ 13.30 น.

ตำรวจไซเบอร์หารือกระทรวง DESประเด็นการหลอกลงทุนผ่านโฆษณา Facebookวันที่ 21 ส.ค.66 เวลา 10.00 - 11.30 น.พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จั...
22/08/2023

ตำรวจไซเบอร์หารือกระทรวง DES
ประเด็นการหลอกลงทุนผ่านโฆษณา Facebook
วันที่ 21 ส.ค.66 เวลา 10.00 - 11.30 น.
พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท.,
พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา กิตติถิระพงษ์ รอง ผบก.ตอท. พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการซื้อโฆษณาผ่าน Facebook หลอกประชาชนลงทุน รวมถึงการชักชวนลงทุน โดยแอบอ้างใช้ชื่อบริษัทจดทะเบียน และสัญลักษณ์ของ ก.ล.ต. โดยไม่ได้รับอนุญาต
ณ ห้องประชุม MDES 1 ชั้น 9 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อาคารรัฐประศาสนภักดี
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #กระทรวงดีอีเอส #หลอกลงทุน

♦️วันนี้  21 ส.ค.66 เวลา 17.00 น.👮‍♂️พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.อก.บช.สอท. มอบ พ.ต.อ.นาวิน เส็งสมวงศ์ รอง ผบก.อก.บช.ส...
21/08/2023

♦️วันนี้ 21 ส.ค.66 เวลา 17.00 น.

👮‍♂️พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.อก.บช.สอท. มอบ พ.ต.อ.นาวิน เส็งสมวงศ์ รอง ผบก.อก.บช.สอท. พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.อก.บช.สอท. จำนวน 25 นาย

🙏ร่วมสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

📍ณ อุโบสถ วัดผาสุกมณีจักร ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

👮🏻‍♀️ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย📢 มิจฉาชีพส่ง " SMS ปลอม "หลอกให้กดลิงก์🚗 แอบอ้าง M-Flow ของกรมทางหลวง📍 รูปแบบการหลอก คือ มิจฉา...
21/08/2023

👮🏻‍♀️ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย
📢 มิจฉาชีพส่ง " SMS ปลอม "หลอกให้กดลิงก์
🚗 แอบอ้าง M-Flow ของกรมทางหลวง
📍 รูปแบบการหลอก คือ
มิจฉาชีพได้ ส่ง SMS เรียกเก็บยอดค้างชำระ M-Flow ซึ่งให้ชำระโดยเร็วที่สุด พร้อมแนบลิงก์ปลอม เพื่อหลอกขโมยข้อมูลของเหยื่อ
⚠️ซึ่งกรมทางหลวงได้แจ้งว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
⚠️กรมทางหลวงไม่มีนโยบายการส่ง SMS เพื่อเรียกเก็บยอดค้างชำระใดๆ
โดยประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง M-Flow ได้ 3 ช่องทางเท่านั้น ได้แก่
✅เว็บไซต์ www.mflowthai.com
✅ แอปพลิเคชัน mflowthai
✅ Line OA : Mflow Thai
❌ไม่เชื่อ ❌ไม่รีบ ❌ไม่โอน
💌 "ตำรวจไซเบอร์ ให้ความรู้ รู้ทันความคิดมิจฉาชีพ"
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย #กรมทางหลวง #หลอกกดลิงก์
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
🚨 ด้วยความห่วงใย จากตำรวจไซเบอร์
📱โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
💻https://www.thaipoliceonline.com/
📲 หรือ แอดไลน์ แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง

ตร.ไซเบอร์สนธิกำลังจับคาราโอเกะค้ามนุษย์ บังคับเด็กไม่ถึง 18 นั่งดริงค์กับแขกสืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทาง...
20/08/2023

ตร.ไซเบอร์สนธิกำลังจับคาราโอเกะค้ามนุษย์ บังคับเด็กไม่ถึง 18 นั่งดริงค์กับแขก
สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับประสานข้อมูลจาก สภ.เมืองเพชรบูรณ์ และมูลนิธิอิมมานูเอล ตรวจพบว่ามีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (เฟสบุ๊ก) นำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาให้บริการภายในร้านคาราโอเกะ บริเวณแยกวัดโบสถ์ชนะมาร ใกล้ตลาดดงมูลเหล็ก ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ ในลักษณะของการ นั่งดริงค์ และปล่อยให้มีการเต้นยั่วยุลูกค้า ถึงเนื้อถึงตัว โดยไม่มีการห้ามปรามจากเจ้าของร้านและผู้ดูแลร้าน จึงได้วางแผนร่วมกับ บก.สอท.4, สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ศพดส.ภ.6,ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ และ พมจ.เพชรบูรณ์ เพื่อเข้าตรวจสอบจับกุมสถานบริการดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 18 ส.ค.66 เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ร่วมกับ กก.3 บก.สอท.4, สภ.เมืองเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศพดส.ภาค 6 วางแผนจับกุมโดยส่งสายลับเข้าไปตรวจสอบการให้บริการภายในร้าน โดยใช้บริการห้องวีไอพี ตรวจพบพนักงานที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 6 คน โดยมี นางสาวเสาวลักษณ์ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน/ผู้ดูแลร้าน จึงได้ร่วมกันจับกุมบุคคลดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 1.ค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศรูปแบบอื่น, 2.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3.บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร และ 4.ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในระหว่างเวลา 22.00 - 06.00 น. นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
#ตำรวจไซเบอร์ #จับกุม #ร้านคาราโอเกะ #ค้ามนุษย์

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨🛒สาย Shopping ต้องระวัง❗❗❗⚠️รูปแบบการหลอก คือSMS จากบริษัทขนส่งพัสดุ ส่งข้อความแจ้งว่า พัสดุของท่า...
19/08/2023

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨
🛒สาย Shopping ต้องระวัง❗❗❗
⚠️รูปแบบการหลอก คือ
SMS จากบริษัทขนส่งพัสดุ ส่งข้อความแจ้งว่า พัสดุของท่านเกิดความเสียหาย กรุณายื่นเคลมรับเงินคืน โดยใช้ข้อความหลอกล่อให้กดลิงก์ภายในข้อความ จากนั้นจะมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพื่อเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ นำไปสู่การดูดเงินเข้าบัญชีม้า
🛡ข้อควรระวัง และแนวทางป้องกัน :
1.ไม่เปิดอ่าน หรือกดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง
2.กรณีได้รับ SMS ที่ผิดปกติ ควรตรวจสอบกับ Call Center ของหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง
3.ไม่ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นจากลิงก์ หรือข้อความที่มีคนส่งให้
❌ไม่เชื่อ ❌ไม่รีบ ❌ไม่โอน
💌 "ตำรวจไซเบอร์ ให้ความรู้ รู้ทันความคิดมิจฉาชีพ”
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #หลอกกดลิงก์
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
🚨 ด้วยความห่วงใย จากตำรวจไซเบอร์
📱โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000
แจ้งความออนไลน์ ได้ที่
💻https://www.thaipoliceonline.com/
📲 หรือ แอดไลน์ แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง

18/08/2023

ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ TRUST NO ONE (EP.4) ตัดวงจรทุนจีนคริปโต ขยายผลยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องของขบวนการไฮบริดสแกม หลอกลงทุนออนไลน์ ยึดทรัพย์รวมกว่า 1,500 บาท รวมทั้งอายัดรถยนต์หรูโรลส์รอยซ์คันละประมาณ 36 ล้านบาท
#ตำรวจไซเบอร์ #ยึดทรัพย์ #ทุนจีน #จีนเทา #คริปโต #โรลส์รอยซ์

ตร.ไซเบอร์จับอดีต รปภ. ผันตัวรับบท ผกก.เมืองเชียงรายโทรหลอกคุณหมอโอนเงินกว่า 101 ล้านสืบเนื่องจากกรณีอดีตแพทย์อายุรกรรม ...
18/08/2023

ตร.ไซเบอร์จับอดีต รปภ. ผันตัวรับบท ผกก.เมืองเชียงราย
โทรหลอกคุณหมอโอนเงินกว่า 101 ล้าน
สืบเนื่องจากกรณีอดีตแพทย์อายุรกรรม และ อดีต ผอ.ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาเกษียณราชการได้ถูกหลอกโอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 101 ล้านบาท โดยมิจฉาชีพหลอกว่ามีพัสดุผิดกฎหมายแล้วปลอมตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย สนทนาเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว จนสามารถหลอกให้โอนเงินไปทั้งสิ้น 101,871,381 บาท โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ เดือน ก.ย.65 ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ออกสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง จนสามารถออกหมายจับและจับกุมไปได้แล้วหลายราย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่ามีผู้ต้องหาสำคัญในขบวนการดังกล่าวและยังเป็นบุคคลตามประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (ลำดับที่ 249) มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.5 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงวางแผนเข้าจับกุมและสามารถจับกุมตัว นายชลวิชา อายุ 33 ปี ชาวสมุทรสาคร ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือ และ ร่วมกันฟอกเงิน”
โดยผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า เดิมเคยประกอบอาชีพเป็น รปภ. แต่มีปัญหาทางการเงินจึงสมัครงานผ่านเพจหางานคาสิโนในเฟชบุ๊ก โดยแอดมินเพจแจ้งเพียงว่ามีลักษณะการทำงานเป็นแอดมินตอบโต้ลูกค้า จึงเดินทางข้ามชายแดนทางพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วมีคนมารับข้ามไปยังประเทศกัมพูชา
เมื่อไปถึงกลับพบว่าเป็นการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงเหยื่อโอนเงิน โดยจะมีคนสอนให้พูดตามสคริปต์ให้รับบทเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มีสัญญาการทำงาน 6 เดือน มีค่าตอบแทน 30,000 บาทต่อเดือน และจะได้รับค่าคอมมิสชั่นเพิ่มหากทำงานถึงยอดตามเป้า เมื่อครบกำหนด 6 เดือน จึงเดินทางกลับมาประเทศไทยและถูกจับกุมในที่สุด

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.พงศ์นริทร์
เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.นฤภัทร เทียนชัยทัศน์, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์,
พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม
#ตำรวจไซเบอร์ #จับกุม #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #หลอกโอนเงิน

ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ "ล่าลวงหลอก"ขุดรากถอนโคน แก๊ง Call Center EP.2ตรวจยึดของกลางมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาทกองบัญชาการตำ...
17/08/2023

ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ "ล่าลวงหลอก"
ขุดรากถอนโคน แก๊ง Call Center EP.2
ตรวจยึดของกลางมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / วันนี้ (17 ส.ค.66) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคนขบวนการ Call Center EP.2 ในพื้นที่กรุงเทพ ณ อาคารประชุมสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)
พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 เปิดเผยว่า บก.สอท.3 ได้รับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีผู้เสียหายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากคนร้ายอ้างตัวเป็นพนักงานส่งพัสดุ Kerry Express แจ้งว่าตรวจพบสิ่งของในพัสดุ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ซึ่งพัสดุดังกล่าวถูกส่งจากต้นทางจังหวัดตาก และปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี โดยปรากฏชื่อผู้เสียหายเป็นผู้ส่งพัสดุ จากนั้นคนร้ายจึงแจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้วิดีโอคอลคุยกับปลายสายซึ่งอ้างตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองตาก (โปรแกรม AI) หลอกสอบถามข้อมูลส่วนตัวและเงินในบัญชีของผู้เสียหาย รวมถึงพูดจาหว่านล้อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการกระทำความผิดจริง โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อเป็นการตรวจสอบ รวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นจำนวนเงินกว่า 2,839,298.45 บาท ทั้งยังให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนผู้เสียหายเชื่อแน่ว่าตนถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงิน จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี
ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.3 บก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ รอง ผกก.3 บก.สอท.3 เร่งรัดสืบสวนสอบสวนจับกุมตัวคนร้าย มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้า แถวที่ 4-5 จากนั้นจึงมีการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม (ATM) บริเวณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายค้น/หมายจับผู้ต้องหา ทั้งผู้ทำหน้าที่กดเงินสด รวมถึงผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า จำนวนกว่า 15 ราย จนนำมาสู่ปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคน แก๊ง Call Center กำหนดเข้าปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมกัน 2 จุด เมื่อวันที่ 12 ส.ค.66 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งผู้ที่ทำหน้าที่คุมบัญชีกดเงิน และบัญชีม้า ได้ 10 ราย ตรวจยึดของกลางซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญ และยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด จำนวน 130 รายการ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ภายหลังพบความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดเป็นขบวนการ Call Center รายใหญ่ โดยที่ผ่านมากลุ่มผู้ต้องหารับว่าได้ร่วมกันกระทำความผิด ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน หลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท
พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.3 บก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ รอง ผกก.3 บก.สอท.3 สืบสวนขยายผลจนพบว่ามีเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหาย จำนวน 87 ล้านบาท เข้าบัญชีและมีการกดเงินสดออกในพื้นที่กรุงเทพ จำนวน 15 ล้าน จึงได้ตามรอยเส้นทางการกดเงิน จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชาวเมียนมาที่ทำหน้าที่กดเงินจำนวน 1 ราย และกลุ่มผู้ต้องหาบัญชีม้า อีก 3 ราย
วันนี้ 17 ส.ค.2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งเปิดปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคน แก๊ง Call Center EP.2 ในพื้นที่กรุงเทพ สามารถจับกุมผู้ต้องหา Ms.Nang Moe Moe Aye สัญชาติเมียนมา ได้ 1 ราย สามารถตรวจยึดของกลางอีกเกือบ 10 ล้านบาท ดังนี้
1.เงินสด 4,440,000 บาท
2.IPAD AIR จำนวน 1 เครื่อง มูลค่า 40,000 บาท
3.MACBOOK Air จำนวน 1 เครื่อง มูลค่า 50,000 บาท
4.โทรศัพท์มือถือ iphone จำนวน 1 เครื่อง มูลค่า 50,000 บาท
5.สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 17 ใบ
6.บัตรกดเงินสด ATM จำนวน 20 ใบ
7.กระเป๋าแบรนด์เนม Celine
8.กระเป๋าแบรนด์เนม LOUIS VUITTON
จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดและไล่ล่ายึดทรัพย์เพื่อส่งกลับคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #ยึดทรัพย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ TRUST NO ONE EP.4ตัดวงจรทุนจีนคริปโต ขยายผลยึดทรัพย์ครั้งมโหฬาร กว่า 1.5 พันล้านบาทกองบัญชาการต...
17/08/2023

ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ TRUST NO ONE EP.4
ตัดวงจรทุนจีนคริปโต ขยายผลยึดทรัพย์ครั้งมโหฬาร กว่า 1.5 พันล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / วันนี้ (17 ส.ค.66) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมแถลงข่าว Trust No One EP.4 "ปฏิบัติการตัดวงจรทุนคริปโต" โดยมี พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าว ณ อาคารประชุมสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)
สืบเนื่องจาก บช.สอท. ได้รับแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ เกี่ยวกับคดีหลอกลงทุนไฮบริดสแกม ซึ่งคนร้ายใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิทผู้เสียหายผ่านช่องทางสื่อโซเซียลมีเดียต่าง ๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสำหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัลหรือสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีผู้เสียหายมากกว่า 20,000 คดี มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยคนร้ายมีการดำเนินการที่ประเทศอื่นรวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยยากต่อการสืบสวน จึงได้สืบสวนหาคนร้ายตัวจริงที่ใช้บัญชีดังกล่าว โดยมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ หรือ Homeland Security Investigation (HSI) รวมถึงหน่วยงานต่างประเทศและภายในประเทศ กระทั่งได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริง คือ
นายซู (Mr.Shaoxian Su) สัญชาติจีน พักอาศัยอยู่บ้านหรูราคาประมาณ 67 ล้านบาท ย่านศรีนครินทร์ จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายซู และนางสาวยี่ (Ms.KEYI YE) (เพื่อนสาวคนสนิท) นำมาสู่ ปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลก เข้าตรวจค้นและตรวจสอบสถานที่บ้านพักหรู ภายในโครงการหมู่บ้าน ย่านศรีนครินทร์ จำนวน 5 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ 2 ราย คือ นายซู และนางสาวยี่ พร้อมทำการตรวจยึดของกลางรถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, ทองรูปพรรณ, เงินสด, ตุ๊กตา Bearbrick, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์เคลื่อนที่, สมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม พร้อมยึดของกลางอื่น อีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท (Trust No One EP. 1 “ปฏิบัติการล่าข้ามโลก”)
ต่อมาได้มีการสืบสวนขยายผลจากปฏิบัติการข้างต้น จนพบความเชื่อมโยงว่ามีการใช้นอมินีคนไทยจดทะเบียนบริษัทและถือหุ้นแทน แล้วนำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูจำนวนหลายแห่ง
จึงเข้าทำการตรวจค้นจำนวน 10 เป้าหมาย และสามารถยึด อายัดทรัพย์สินได้หลายรายการ อาทิบ้านเดี่ยวหมู่บ้าน ย่านกรุงเทพกรีฑา ราคาประมาณ 95 ล้านบาท จำนวน 4 หลัง, บ้านเดี่ยวหมู่บ้าน ย่านกรุงเทพกรีฑา ราคาประมาณ 40 ล้านบาท จำนวน 3 หลัง, ห้องชุด อาคารชุดมหานคร 1 ห้อง ราคาประมาณ 128 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆรวมมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท (Trust No One Ep.2 “ปฏิบัติการล่าขุมทรัพย์ทุนจีนคริปโต”)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องจนปรากฎพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำความผิดรายอื่น ในลักษณะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน จึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี โดยได้นำหมายของศาลอาญามีนบุรีเข้าตรวจค้นสถานที่ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
จำนวน 2 จุดจากการตรวจค้นในครั้งนี้สามารถตรวจยึด/อายัดผลการตรวจยึด รถยนต์หรู, ตู้เซฟ, โฉนดที่ดิน, สัญญาซื้อขายห้องชุด, เอกสารบริษัท และของกลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมากหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท (Trust No One Ep.3 “ปฏิบัติการล้างบางเครือข่ายราชาคริปโต”)
กระทั่งในวันนี้ (17 ส.ค.66) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้เปิดปฏับัติการ Trust No One EP.4 “ปฏิบัติการตัดวงจรทุนคริปโต” โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์
รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ขอหมายค้นศาลอาญา และนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท.เข้าตรวจค้น สถานที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ โดยมีพยานหลักฐานที่เชื่อว่าได้นำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในนามของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น โดยพบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินระหว่างบริษัทนิติบุคคลสัญชาติไทย แล้วนำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ การกระทำดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น โดยจุดตรวจค้นทั้งในกรุงเทพฯ , ปทุมธานี และชลบุรี รวมทั้งสิ้น 29 จุด และนอกจากนั้นยังได้มีการขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกสองราย ได้แก่
1.นางสาวเฝิงเฟย ไช่ (MS.PENGFEI CAI) สัญชาติจีน อายุ 31 ปี
2.นายอาบิน เย่ (Mr.YE ABIN) สัญชาติจีน อายุ 41 ปี
โดยจากการปฏิบัติการตรวจค้น 29 จุด สามารถจับกุม นางสาวเฝิงเฟย ไช่ ได้ที่คอนโดหรู ย่านลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ในความผิดฐาน "ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" โดยนางสาวเฝิงเฟย ไช่ มีความเกี่ยวข้องเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มีลูกค้าเป็นคนจีนเกือบ 90% และสามารถตรวจยึดทรัพย์สินและพยานหลักฐานสำคัญได้ กว่า 100 รายการอาทิเช่น รถยนต์ บ้าน รวมถึงเอกสารสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และเอกสารสัญญาเช่าต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท รวมปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้งสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้ทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. จะได้ทำการประสานไปยัง ปปง. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเฉลี่ยทรัพย์คืนแก่ผู้เสียหาย
ทั้งนี้ นิติบุคคลต่างด้าวซึ่งประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามและที่ต้องขออนุญาต คนต่างด้าวซึ่งเป็นกรรมการของนิติบุคคลในฐานะส่วนตัว และคนไทยซึ่งมีพฤติการณ์ให้ความช่วยเหลือโดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจได้โดยหลีกเสี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย หรือกระทำการในลักษณะถือหุ้นแทนเพื่ออำพรางแหล่งที่มาของเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ทำให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจซื้อขายที่ดินและบริการให้เช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้ จะมีความผิดฐาน "เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามหรือต้องขออนุญาต เป็นกรรมการหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของนิติบุคคล และเป็นผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในนิติบุคคลเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจได้โดยโดยหลีกเสี่ยงหรือฝ่ฝืนต่อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 4 (3) (ก) มาตรา 8 (1) (2) มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 41 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 1,000,000 บาท และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน และกรรมการบริษัท ก็มีความผิดด้วย
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #จีนเทา #คริปโต

17/08/2023

ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ TRUST NO ONE EP.4 ตัดวงจรทุนจีนคริปโต

17/08/2023

ด่วน! ตร.ไซเบอร์บุกค้นตอนฟ้าสาง 29 จุด ขยายผลทุนจีนคริปโต ยึดทรัพย์มโหฬาร อึ้ง เจอโรลส์รอยซ์คันละ 36 ล้าน เตรียมแถลงบ่าย 3 วันนี้

รองต่อนำ ตร.ไซเบอร์ร่วม กสทช.ทลายเสาเถื่อนลอบปล่อยสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชายแดนสืบเนื่องจากกลุ่มคนร้ายแก๊ง Call Ce...
16/08/2023

รองต่อนำ ตร.ไซเบอร์ร่วม กสทช.ทลายเสาเถื่อน
ลอบปล่อยสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชายแดน
สืบเนื่องจากกลุ่มคนร้ายแก๊ง Call Center มีการไปตั้งฐานกระทำความผิดอยู่ตามแนวชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน และโทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทย ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม กวดขันปราบปรามการลักลอบกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวตามแนวชายแดนมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ 16 สิงหาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว นำกำลังลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบสถานีวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาต และสถานีวิทยุคมนาคมที่ได้รับอนุญาตแต่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข เช่น หันตัวส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมจำนวน 27 สถานี
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่าการหลอกลวงและกระทำผิดทางเทคโนโลยีที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และมีมูลค่าความเสียหายที่สูงมาก ถือเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่ต้องปราบปรามอย่างจริงจัง โดยจากแนวทางการสืบสวนพบว่าแก๊ง Call Center ส่วนใหญ่ อยู่บริเวณแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้อาศัยสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทยในการกระทำผิด จึงมอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำการสืบสวนจนพบว่าบริเวณใกล้กับแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายประกอบด้วย
การลักลอบตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และหันสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 4 สถานี อันเป็นการกระทำความผิดฐาน “มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงได้ทำการรื้อถอนและตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้กระทำความผิด
และพบว่า มีสถานีวิทยุคมนาคมที่ได้รับอนุญาต แต่มีสายอากาศหันไปทางประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 23 สถานี โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาต เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยให้ถอนการติดตั้งสายอากาศบางจุด หรือปรับทิศทางสายอากาศ เพื่อมิให้แพร่สัญญาณออกนอกประเทศไทย
นอกจากนี้ยังสามารถล่อซื้อจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายซิมม้า ซึ่งมีการลงทะเบียนใช้งานโดยบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช้ผู้ใช้งานจริง บริเวณแนวชายแดนได้เป็นจำนวนมาก จึงได้ดำเนินการจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ปฏิบัติการครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. สามารถทลายสถานีส่งสัญญาณบริเวณแนวชายแดน ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพได้ลักลอบนำสัญญาณจากประเทศไทยเข้าไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน และย้อนกลับมาหลอกลวงคนไทย ถือเป็นการตัดวงจรของกลุ่มแก๊ง Call Center คือ ซิม สาย เสา ซึ่งหากมีการตัดสัญญาณที่มีการลักลอบได้ จะทำให้การกระทำความผิดน้อยลง โดยขณะนี้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ได้ลงพื้นที่ X-Ray ตรวจสอบพื้นที่แนวชายแดนทุกด้านแล้ว และจะมีปฏิบัติการในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันปราบปรามและตัดวงจรอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างถอนรากถอนโคน ”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า กลุ่มมิจฉาชีพมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อหลอกลวงข้อมูลจากเหยื่อ และมักแอบอ้างหน่วยงานของรัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอให้พิจารณาตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง หากไม่แน่ใจแนะนำให้สอบถามกับหน่วยงานโดยตรง หรือสามารถสอบถามได้ที่ หมายเลขสายด่วน 1441 หรือ หมายเลขสายตรง 081-866-3000
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจไซเบอร์ #กสทช #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เสาสัญญาณเถื่อน

ที่อยู่

CYBER CRIME INVESTIGATION BUREAU 904 Ban Mai, Pak Kret
Nonthaburi
11120

เบอร์โทรศัพท์

+6625044850

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริการภาครัฐ


องค์กรของรัฐ อื่นๆใน Nonthaburi

แสดงผลทั้งหมด

ความคิดเห็น

หลังจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้โทรมาหลอกพระกรวิชญ์ วชิรญาโณ ว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง บอกว่ามีพัสดุถูกกรมศุลกากรตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย และมีรายชื่อติดในเครือข่ายฟอกเงิน

ต่อมาคนร้ายอีกรายอ้างชื่อเป็นตำรวจ และได้พูดคุยกับพระกรวิชญ์ฯ จากนั้นพระกรวิชญ์ฯ ยอมโอนเงินไปให้ 140,000 บาท ถูกอ้างว่าต้องโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ต่อมามิจฉาชีพได้ทำการบล็อก จึงไม่สามารถติดต่อได้

โดยต่อมาตำรวจไซเบอร์ได้ตามรวบตัวหนึ่งในขบวนการได้ที่ บริเวณตลาดสุวินทวงค์ หมู่1 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัษฎา จ.ตรัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจไซเบอร์เปิดแผนการระดมกวาดล้างที่ใช้ชื่อว่า ยุทธการ “หักขา (บัญชี)ม้า” ในช่วงตั้งแต่วันที่ 20-26 ม.ค.2565 โดยมุ่งเน้นการปราบปรามบัญชีที่รับจ้างให้เปิด และถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ หรือที่เรียกกันว่าบัญชีม้า ซึ่งการที่รับจ้างเปิดบัญชี มีความผิดทางกฏหมายและถือว่ามีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมในฐานะตัวการร่วม

ตำรวจไซเบอร์จึงอยากขอเตือนว่าอย่ายินยอมหรือรับจ้างเปิดบัญชีให้ผูุ้อื่นโดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี
บัญชีม้า...คืออะไร ผิดกฎหมายยังไง
เตือนภัยแก๊งค์เงินกู้ ตามนโยบาย “vaccine cyber” ของ ผบ.ตร. ในการ สร้างการรับรู้ เตือนภัย อาชญากรรมทางเทคโนโลย และสร้างเกราะป้องให้กับประชาชน”

รายการ สถานีวิทยุ อสมท. FM 100.5 MHZ โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้ให้สัมภาษณ์ ในประเด็น “ล่าแก๊งทวงหนี้ผู้ป่วยติดเตียง” จากการณีมิจฉาชีพหญิงอ้างเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน
อย่างนี้ก็ได้เหรอ สองสามีภรรยา รวมกันเกือบ 40 หมายจับ #ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบตัวมาจนได้ #เตือนภัย #ระวังมิจฉาชีพ #โจรออนไลน์
#ช่วยกันแชร์ #เตือนภัย กลโกงแก๊งค์เซ็นเตอร์

#ตํารวจไซเบอร์
เตือนด้วยความหวังดี บัญชีม้า ถูกจับ ติดคุก!!!
ผู้ปกครองต้องระวัง!!!! #ช่วยกันแชร์ มิจฉาชีพใช้เกมส์ออนไลน์เป็นเครื่องมือ ตีซี้เด็กอายุ 12 หลอกถ่ายคลิปโป๊ ส่งแบล็คเมล์ เรียกเงิน สุดทน ร้องขอความช่วยเหลือ #ตํารวจไซเบอร์ ตามรวบได้ในที่สุด

https://www.dailynews.co.th/news/650123/?fbclid=IwAR30t3dhwIu4X71g7BOtrRTPPTPfQMmMlyloeLWyqganJkKOU6DILnjSTRU
ข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ นายกฯ สั่ง ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด มีความเสี่ยงสูง
ตามที่มีการโพสต์ภาพ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง นายกฯ สั่ง ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด มีความเสี่ยงสูง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการเผยแพร่รูปภาพ ที่มีเนื้อหาระบุว่า นายกฯ สั่งล็อกดาวน์ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เพราะมีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 สูงมากนั้น ทางกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า รูปภาพดังกล่าวเป็นของปี 2564 โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2564 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด และขอความร่วมมือประชาชนติดตามข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงสาธารณสุข หรือ ศบค. เท่านั้น
ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลมาตรการดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
บทสรุปของเรื่องนี้ : ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์แต่อย่างใด ซึ่งภาพและข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวเก่าเมื่อช่วงเดือน ม.ค. 64
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี
📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม
LINE : (http://nav.cx/uyKYnsG)
Website : https://www.antifakenewscenter.com/
Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand
สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87
#ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #ล็อกดาวน์ #โควิด #โอมิครอน
สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๕ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ ๗-๙ มกราคม ๒๕๖๕ https://wellwishes.royaloffice.th/
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนประชาสัมพันธ์ถึงแนวโน้มการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset) รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้

ในปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ที่ง่ายขึ้น และเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าดึงดูด อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นไปอีกในอนาคต โดยจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) พบว่าในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2564 มีผู้เปิดบัญชีตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลสูงถึง 1.77 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากปี 2563 กว่า 1 ล้านบัญชี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปอีก แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลให้มีผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น สำหรับในประเทศไทยได้มีการออกกฎหมายเพื่อรองรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ซึ่งได้มีการนิยามความหมายของสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล และได้จัดประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซี่(Cryptocurrency) หมายถึง หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีความประสงค์ที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิใดๆ หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ถูกจัดเป็นหนึ่งในประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงมีการกำหนดโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญาสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนอีกด้วย ในส่วนของการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งในการยื่นขออนุญาตและการพิจารณาอนุญาต เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข รวมถึงเสียค่าธรรมเนียม ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจที่ผ่านการคัดกรองจาก ก.ล.ต. และได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วจำนวน 8 ราย ได้แก่ BITKUB, Satang Pro, Huobi, ERX, Zipmex, Upbit, Z.comEX, และ SCBS(ข้อมูลจาก ก.ล.ต.) ซึ่งในส่วนของผู้ที่สนใจลงทุนก็ควรตรวจสอบว่าศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนเองได้ทำธุรกรรมนั้นมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ หากไม่ใช่ ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตแล้ว 8 รายข้างต้น ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณให้มาก เนื่องจากการทำธุรกรรมนั้นๆ จะไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. และอาจเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมาก็เป็นได้ ซึ่งหากพบว่าการทำธุรกรรมมีเงื่อนไขที่น่าสงสัย หรือดูดีเกินไป ก็ควรหลีกเลี่ยงไป โดยจากสถิติของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 64 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64 พบว่ามีการร้องทุกข์ในความผิดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 100 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 180 ล้านบาท จึงขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังให้มากไม่เช่นนั้นท่านอาจจะถูกฉ้อโกงจนสูญเสียทรัพย์สินหรือถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล(Identity Theft) และอาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปหาประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมาย จนท่านเองอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อเป็นการป้องกันอาชญากรรมที่อาจแฝงมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวของให้เร่งทำการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ถึงพิษภัยที่แอบแฝงมาและแนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์(Cyber Vaccine) ให้กับประชาชน และขอให้ผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นผลดีต่อทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้ลงทุน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันและตัดโอกาสเหล่ามิจฉาชีพที่อาจจะฉวยโอกาสในการกระทำความผิดต่อไป

ในส่วนของผู้ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 มีโทษจําคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ในส่วนของผู้ที่ลงทุนกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทย เนื่องจากธุรกรรมภายในธุรกิจนั้นๆ ไม่อยู่ ภายใต้การกํากับดูแลของ ก.ล.ต. และหากเกิดการหลอกลวงหรือฉ้อโกงขึ้นก็จะติดตามและตรวจสอบได้ยาก

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมไปยังประชาชนผู้ที่สนใจในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ถึงแนวทางในการป้องกันหลีกเลี่ยงเหล่ามิจฉาชีพที่แอบแฝงตัวมา โดยก่อนจะลงทุนใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เนื่องจากการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตลาดมีความผันผวนสูง จึงต้องใช้ความระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้ดี ต้องตรวจสอบให้ดีว่าสินทรัพย์ดังกล่างนั้นได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์สํานักงานคณะกรรมกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
https://www.sec.or.th/TH/Pages/SHORTCUT/DIGITALASSET.aspx และควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องนอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัย #ช่วยกันแชร์

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/979859
#}