
06/01/2022
Photos from PHTLS Thailand's post
หลักสูตรการดูแลผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาล ภายใต้การรับรองของ รวศท.
หลักสูตรการดูแลผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาล ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และ National Association of EMT ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างมาตรฐานให้แก่การดูแลผู้บาดเจ็บตั้งแต่ที่เกิดเหตุให้มีความปลอดภัยสูงสุด
เปิดเหมือนปกติ
Photos from PHTLS Thailand's post
ชายในเสื้อคอเต่าสีแดง
ภาพที่ทุกคนจำได้คือท่านมักจะสวมสื้อคอเต่าสีแดง กางเกงยีนส์ และเข็มขัดหัวโต เหมือนเครื่องหมายการค้าส่วนตัว ไปประชุมหรือสอนเสมอๆ
อาลัยการจากไปของ ดร.แม็คสเวน
อยากรู้ว่าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ในยุค COVID-19 ท่านจะวางแผนการสอนอย่างไร
picture credit form east.org
แนะนำอุปกรณ์ให้สารน้ำและยาช่วยชีวิตทางโพรงไขกระดูกแบบใหม่
SAM IO
Photos from PHTLS Thailand's post
PHTLS Thailand ขอนำเสนอ แนวทางดูแลผู้บาดเจ็บจากระหว่างการส่งกลับทางยุทธวิธี (TACEVAC) ฉบับปรับปรุงล่าสุด (201105) ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
มีคำบรรยายและรายละเอียดภาษาไทยใต้แต่ละภาพ
#201105
PHTLS Thailand ได้ทำการวิเคราะห์ แนวทางดูแลผู้บาดเจ็บจากการรบทางยุทธวิธี ฉบับปรับปรุงล่าสุด (201105) เปรียบเทียบกับแนวทางปฏิบัติฉบับก่อนหน้านี้ (190801 และ 180801) พร้อมทั้งหาข้อมูลที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์ที่เป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลง สรุปรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มเติมบทวิเคราะห์ของเราต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเมื่อ TCCC ขยับ หลักสูตรอื่นๆ ก็มักจะมีการปรับตามกันมาไม่ว่าจะเป็น PHTLS หรือ ATLS ในอนาคตเราคงได้เห็นทั้งสองหลักสูตรมีการเปลี่ยนรายละเอียดหลายอย่างตาม TCCC ในการ update edition ใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
ในแต่ละภาพคือสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวหนังสือสีแดง
มีคำบรรยายและรายละเอียดภาษาไทยใต้แต่ละภาพ
#201105
November 25-26, 2020
an open-to-public course
ศูนย์ฝึกอบรม PHTLS โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้จัดการฝึกอบรม PHTLS Instructor Course เมื่อวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2563 ให้แก่อาจารย์ที่จะเป็นผู้สอน (instructor candidates) ในศูนย์ฝึกอบรมต่างๆ ทั่วประเทศให้มีความสามารถในการสอน ตามหลักการและมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
การป้องกันภาวะเลือดไม่จับตัวแข็งในผู้บาดเจ็บ นอกจากป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำ และภาวะเลือดเป็นกรดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงภาวะระดับแคลเซียมในกระแสเลือดต่ำอีกด้วย
ในอนาคตอาจมีแนวทางและการใช้ Point of care lab ที่สามารถตรวจระดับแคลเซียมตั้งแต่อยู่บนรถพยาบาลได้เลย
ศูนย์ฝึกอบรม PHTLS รพ. สงขลานครินทร์ จัดการฝึกอบรมหลักสูตร PHTLS ให้แก่ นักศึกษาผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรพยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติฉุกเฉิน (Emergency Nurse Practitioner: ENP) รุ่นที่ 6 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีตรัง ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและอาจารย์ประจำหลักสูตร ENP ที่เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลผู้บาดเจ็บในห้วงก่อนถึงโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 20-21 ตุลาคม 2563
ศูนย์ฝึกอบรม PHTLS รพ. สงขลานครินทร์ จัดการฝึกอบรมหลักสูตร PHTLS ให้แก่ นักศึกษาผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรพยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติฉุกเฉิน (Emergency Nurse Practitioner: ENP) รุ่นที่ 6 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีตรัง ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและอาจารย์ประจำหลักสูตร ENP ที่เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลผู้บาดเจ็บในห้วงก่อนถึงโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 18-19 ตุลาคม 2563
Photos from PHTLS Thailand's post
ศูนย์ฝึกอบรม PHTLS รพ.พระมงกฎเกล้า จัดการฝึกอบรมหลักสูตร PHTLS ให้แก่นักศึกษาผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติฉุกเฉิน (Emergency Nurse Practitioner: ENP) รุ่นที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและอาจารย์ประจำหลักสูตร ENP ที่เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลผู้บาดเจ็บในห้วงก่อนถึงโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 19-20 ตุลาคม 2563
คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดอบรม PHTLS ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 9 แบบเปิดให้แก่บุคคลทั่วไปสมัครเรียน เมื่อ 21-22 ตุลาคม 2563
ศูนย์ฝึกอบรม TCCC / PHTLS รพ.พระมงกุฎเกล้า ได้รับเกียรติให้จัดการฝึกอบรมหลักสูตร Tactical Combat Casualty Care for Medical Providers แก่กำลังพลชุดแพทย์ที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลสนามระดับ 1 เพื่อสนับสนุนกองร้อยทหารช่างก่อสร้าง (ทางระดับ) ไทย ในกองกำลังรักษาสันติภาพองค์การสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan: UNMISS) ผลัดที่ 2 ประกอบด้วย นายแพทย์ พยาบาล และนายสิบพยาบาล เพื่อสร้างความพร้อมในการดูแลกำลังพลไทยและชาติต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้องค์การสหประชาชาติ
Dr. Craig Manifold ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ (Medical Director) ของ NAEMT คนปัจจุบันเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563
Dr. Manifold เป็นแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร Advanced Medical Life Support (AMLS) ท่านเคยรับราชการเป็นนายทหารอากาศเกษียณด้วยชั้นยศพลจัตวา (Brigadier General) หลังออกจากราชการท่านเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ Department of Emergency Health Sciences, University of Texas Health Science Center ในเมือง San Antonio รัฐ Texas ท่านมีส่วนร่วมในการดูแลและวางแนวทางการปฏิบัติให้แก่หน่วยฉุกเฉินต่างๆ ของรัฐ Texas เป็นประจำอีกด้วย
PHTLS Thailand ในฐานะภาคีของ NAEMT ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ Dr. Manifold มา ณ ที่นี้
วันที่ 17-18 กันยายน 2563
วันที่ 14-15 กันยายน 2563
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
Photos from PHTLS Thailand's post
Photos from PHTLS Thailand's post
Photos from PHTLS Thailand's post
August 6-7, 2020
ด่วน! รีบสมัครก่อนจะพลาดโอกาส
ศูนย์ฝึกอบรม PHTLS คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร PHTLS ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 9 เป็นสำหรับบุคคลทั่วไป ในวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2563 *ปิดรับสมัครวันที่ 11 กันยายน 2563*
กรุณาตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร และรายละเอียดตาม link ด้านล่างนี้
www.traumakku.com
หรือสอบถามได้จากอาจารย์ นพ.ภาณุ ธีรตกุลพิศาล ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0866371234
*page PHTLS Thailand เป็นผู้เผยแพร่ข่าวสารและร่วมประชาสัมพันธ์เท่านั้น รายละเอียดต่างๆ โปรดติดต่อผู้จัดการอบรมตามที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ข้างต้น*
In Memoriam:
Norman E. McSwain, Jr., MD, FACS
1937-2015
เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่ นพ.แม็คสเวน ได้จากโลกนี้ไป เราจะมาย้อนรำลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้ฝากไว้ในโลกนี้ในโอกาสวันครบรอบการถึงแก่กรรมของท่าน ดังเช่นที่เรากระทำมาเป็นประจำทุกปี
ในปีนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด (Hartford Consensus) กัน ซึ่ง นพ.แม็คสเวน เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและผลักดันจนเป็นรูปร่าง
ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด เกิดขึ้นจากหน่วยงานทางการแพทย์อุบัติเหตุ ผู้ปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน และผู้บังคับใช้กฎหมายร่วมประชุมกันเพื่อกำหนดแนวทางในการจัดการทางการแพทย์ในเหตุกราดยิงในที่ชุมชน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2010 – 2012 โดยข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ดนั้นแบ่งได้เป็นสี่ฉบับตามระยะเวลาของการดำเนินการดังนี้
1. ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด ฉบับที่ 1 การเพิ่มอัตราการรอดชีวิตจากเหตุกราดยิงในที่ชุมชน
ข้อตกลงฉบับแรกนี้ตั้งชื่อตามโรงพยาบาลฮาร์ทฟอร์ด เมืองฮาร์ทฟอร์ด รัฐคอนเน็คทิคัต โดยมีการจัดประชุมเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2013 ด้วยองค์กรต่างๆ เช่น วิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งอเมริกา (ACS) วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งอเมริกา (ACEP) องค์กรผู้ปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (NAEMT) หน่วยดับเพลิง ทหาร และ FBI เพื่อร่างข้อตกลงบนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์เพื่อให้ได้วิธีในการเอาตัวรอด ผลของการประชุมได้ข้อสรุปในการปฏิบัติในเหตุกราดยิงในที่ชุมชนด้วยอักษรย่อ THREAT (แปลว่าภัยคุกคาม) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
T: Threat suppression หน่วยผู้บังคับใช้กฏหมายต้องควบคุมหรือปราบปรามผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว
H: Hemorrhage control ให้ดำเนินการห้ามเลือดที่ออกปริมาณมากทันทีเนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตที่ป้องกันได้โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับใช้กฏหมายหรือประชาชนทั่วไป
RE: Rapid Extrication นำผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วเพื่อรับการปฐมพยาบาล
A: Assessment by medical providers ผู้บาดเจ็บต้องได้รับการประเมินอาการเบื้องต้นและปฐมพยาบาลโดยบุคลากรทางการแพทย์
T: Transport to definitive care ส่งกลับไปยังโรงพยาบาลที่เหมาะสมสามารถให้การผ่าตัดรักษาได้
2. ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด ฉบับที่ 2 การตอบสนองต่อเหตุกราดยิงในที่ชุมชนและเหตุก่อการร้าย
สามเดือนถัดมา ในวันที่ 11 กรกฏาคม 2013 คณะทำงานข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด ได้ทำการนัดประชุมเพื่อเพิ่มเติมรายละเอียดของ THREAT โดยแบ่งให้บุคลากรผู้เผชิญเหตุกลุ่มต่างๆ ควรมีความรู้ความสามารถในการจัดการเหตุ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 กลุ่มประชาชนทั่วไป มีจุดมุ่งหมายว่า ‘ประชาชนทุกคนสามารถช่วยชีวิตตนเองและผู้อื่นได้’ โดยการพัฒนาหลักสูตรที่จะสอนให้ประชาชนทั่วไปสามารถทำการห้ามเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพในเหตุเฉพาะหน้า เป็นที่มาของหลักสูตร Bleeding Control (B-Con) และในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Stop the Bleed
2.2 กลุ่มผู้บังคับใช้กฏหมาย ดำเนินการฝึกอบรมการห้ามเลือดโดยใข้พื้นฐานความรู้จากหลักสูตร Tactical Emergency Casualty Care และจัดหาอุปกรณ์ห้ามเลือดที่เหมาะสม เช่น สายรัดห้ามเลือด
2.3 กลุ่มผู้ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน หน่วยกู้ภัย และหน่วยดับเพลิง ดำเนินการฝึกอบรมการห้ามเลือดโดยใข้พื้นฐานความรู้จากหลักสูตร Tactical Combat Casualty Care และจัดหาอุปกรณ์ห้ามเลือดที่เหมาะสม เช่น สายรัดห้ามเลือด ก๊อซชุบสารห้ามเลือด เป็นต้น
2.4 กลุ่มศูนย์อุบัติเหตุ ดำเนินการจัดทำแผนการรับผู้ป่วยจำนวนมาก การเพิ่มขีดความสามารถอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อเหตุกราดยิงในที่ชุมชน
3. ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด ฉบับที่ 3 การผลักดันหลักสูตร Bleeding Control
ภายหลังการดำเนินการของข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ดฉบับที่สอง พบว่าอัตราการรอดชีวิตของผู้บาดเจ็บจากเหตุกราดยิงในที่ชุมชนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คณะทำงานจึงทำการประชุมในวันที่ 14 เมษายน 2015 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์ความรู้การช่วยชีวิตนี้หยั่งรากลึกลงไปในชุมชน และการดูแลผู้บาดเจ็บสามารถทำได้ตั้งแต่ที่เกิดเหตุจนถึงศูนย์อุบัติเหตุแบบไร้รอยต่อนั้น คณะกรรมการตั้งเป้าไว้ที่ ‘ประชาชนทุกคนต้องสามารถห้ามเลือดได้เหมือนที่ทุกคนทำ CPR ได้’ และผลักดันให้มีกฏหมายรองรับไม่ให้ผู้ช่วยเหลือมีความผิดหากมีผลแทรกซ้อนหรือการเสียชีวิตของผู้บาดเจ็บภายหลัง
การที่จะทำให้ได้ตามวัตถุประสงค์จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญสองส่วนได้แก่
3.1 การสร้างหลักสูตรกลางเพื่อให้ดำเนินการสอนแก่ประชาชนทั่วไป นั้นคือหลักสูตร B-Con / Stop the Bleed ในระยะแรกผู้สอนเป็นบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ทำให้การสอนอาจจะยังไม่เผยแพร่เป็นวงกว้าง
3.2 การจัดหาชุดอุปกรณ์ห้ามเลือด เพื่อติดตั้งไว้ในตู้เฉพาะเคียงคู่กับเครื่อง AED ในที่ชุมชน ชุดอุปกรณ์นี้ประกอบด้วยถุงมือ ผ้าพันแผล สายรัดห้ามเลือด และก๊อซชุบสารห้ามเลือด เมื่อเปิดตู้บรรจุอุปกรณ์นี้จะมีการส่งสัญญาณไปยังหน่วยรับแจ้งเหตุในพื้นที่เพื่อส่งความช่วยเหลือมาโดยเร็ว ข้อกำหนดของการติดตั้งตู้อุปกรณ์นี้คือต้องสามารถเข้าถึงได้ภายใน 3 นาที เนื่องจากการเสียเลือดปริมาณมากสามารถทำให้เสียชีวิตในเวลาน้อยกว่า 3 นาที
เป็นที่น่าเสียดายที่หลังจากการประชุมข้อตกลงครั้งนี้ไม่นาน นพ.แม็คสเวนได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 28 กรกฎาคม 2015
4. ข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ด ฉบับที่ 4 การเพิ่มความยืดหยุ่นในระดับชาติ
ถึงแม้ นพ.แม็คสเวน จะไม่ได้อยู่ร่วมการประชุมในครั้งนี้เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2016 แต่แนวทางที่ท่านและคณะทำงานได้ปูไว้ถูกผลักดันจนเป็นวาระแห่งชาติ นพ. เลนเวิร์ธ เจคอบ ในฐานะประธานคณะทำงานได้มีโอกาสได้นำเสนอเรื่องของข้อตกลงฮาร์ทฟอร์ดในรัฐสภาและต่อหน้าประธานาธิบดีโอบามา
การที่องค์ความรู้จะแพร่ขยายไปในทุกหัวระแหงและทุกระดับจำเป็นจะต้องมีครูผู้สอนเพิ่มขึ้น จากเดิมกำหนดคุณสมบัติผู้สอนเป็นเพียงบุคลากรทางการแพทย์ ต่อมาได้ปรับให้มีการยืดหยุ่น อนุญาตให้บุคลากรภาคส่วนต่างๆ สามารถทำการสอนได้ เช่น ผู้รักษากฎหมาย ทหารที่เคยผ่านการอบรม TCCC หรือครู เป็นต้นโดยต้องมาเข้ารับการอบรมหลักสูตร B-Con / Stop the Bleed: train the trainer ก่อน
ในฐานะที่ท่านเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ ท่านได้ทิ้งหลักสูตรต่างๆ ที่ทำให้เราสามารถช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บไว้มากมาย ถึงแม้ท่านจะไม่อยู่ แต่แนวทางมรดกทางการศึกษาจะยังอยู่กับพวกเราตลอดไป
หากมีความสนใจในหลักสูตร Stop the Bleed สามารถค้นคว้ารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.stopthebleed.org
ท่านสามารถ download application Stop the Bleed ได้จากทั้ง App Store และ Play Store
picture credit: https://www.facs.org/about-acs/hartford-consensus
คำแนะนำและแนวทางการปฏิบัติสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตร Prehospital Trauma Life Support ในห้วงการระบาด COVID-19
เนื่องด้วยศูนย์ฝึกอบรม PHTLS ทุกแห่งจะเริ่มกลับมาดำเนินฝึกอบรมอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
แต่เนื่องจากในระหว่างการฝึกอบรมมีการฝึกหัตถการที่มีการสัมผัสศีรษะใบหน้าของผู้เข้ารับการอบรม เช่น manual-in-line การสวม collar การตรวจร่างกาย ดังนั้นจึงถือว่ามีความเสี่ยงจากอยู่ใกล้ชิดกัน คณะกรรมการหลักสูตร PHTLS ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอกำหนดแนวทางการปฏิบัติและคำแนะนำสำหรับผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรฯ เพื่อความปลอดภัยของทุกท่านดังต่อไปนี้
1. ข้อกำหนดเรื่องการแต่งกาย
ขอความร่วมมือให้ผู้เข้ารับการอบรมสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำการฝึกอบรม ทั้งในห้องบรรยาย และสถานีฝึกฏิบัติ รวมทั้งพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันกับผู้เข้ารับการอบรมท่านอื่น เช่น พื้นที่รับประทานอาหาร หากท่านจะสวมแผ่นป้องกันใบหน้า (face shield) เมื่อเข้าสถานีฝึกปฏิบัติด้วยจะช่วยลดการรับเชื้อได้ ทั้งนี้ขอความกรุณาให้ท่านนำหน้ากากและแผ่นป้องกันใบหน้ามาเอง
2. การคัดกรอง
ผู้ประสานงานหลักสูตรของศูนย์ฝึกอบรมจะโทรศัพท์ไปหาท่านเพื่อสอบถามประวัติเสี่ยงหรืออาการไข้ และบางศูนย์ฝึกอบรมจะให้ท่านตอบแบบสอบถามเพื่อคัดกรองความเสี่ยงต่อ COVID-19 และตรวจ/บันทึกอุณหภูมิในช่วงเช้าวันแรกก่อนฝึกอบรมตามนโยบายของสถาบันต้นสังกัด
หากท่านมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เหนื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น หรือมีประวัติเสี่ยง / สัมผัสผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยง ก่อนรับการอบรม ขอให้รีบแจ้งผู้อำนวยการหลักสูตรหรือผู้ประสานงานประจำศูนย์ฝึกอบรมตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ล่วงหน้าเร็วที่สุด
3. การปฏิบัติในสถานีฝึกปฏิบัติ
ขอให้ท่านสวมถุงมือเมื่อเข้าสถานีฝึกปฏิบัติทุกครั้ง และเปลี่ยนเมื่อหมุนเปลี่ยนสถานีทุกครั้ง รวมทั้งล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
4. การปฏิบัติหลังการฝึกอบรม
ผู้ประสานงานหลักสูตรของศูนย์ฝึกอบรมจะโทรศัพท์ติดตามอาการว่ามีผู้ใดมีไข้ หรืออาการโรคทางเดินหายใจหรือไม่ ในวันที่ 7 และ 14 หลังการฝึกอบรม ขอความร่วมมือในการรับโทรศัพท์ และการตอบคำถามด้วย
คณะกรรมการหลักสูตร PHTLS ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ขอให้ความมั่นใจแก่ท่านว่า ทุกศูนย์ฝึกอบรมจะดำเนินการจัดการฝึกอบรม PHTLS ตามมาตรฐาน ภายใต้การดูแลด้านการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดแก่ทุกท่าน การจัดสถานที่ห้องบรรยายและห้องฝึกปฏิบัติมีการเว้นระยะห่างทางกายภาพที่เหมาะสม มีการทำความสะอาดสถานที่และอุปกรณ์การฝึกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งการใช้ผู้ป่วยสมมติที่ผ่านการคัดกรองหรือใช้หุ่นจำลองทางการแพทย์แทนให้มากที่สุดเพื่อลดการสัมผัส
คณะกรรมการหลักสูตร PHTLS ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญ
Bangkok
10400
รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ PHTLS Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา
ส่งข้อความของคุณถึง PHTLS Thailand:
หลักสูตรการดูแลผู้บาดเจ็บในช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล จัดอบรมตามมาตรฐานของ National Association of EMT ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้การกำกับดูแลโดย ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างมาตรฐานให้แก่การดูแลผู้บาดเจ็บตั้งแต่ที่เกิดเหตุให้มีความโอกาสรอดชีวิตสูงสุดและมีความปลอดภัยสูงสุด
GI PMK - แผนกโรคทางเดินอาหารและต
รพ. พระมงกุฏเกล้าฯNIA : National Innovation Agency, Thailand
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ 73/2 ซอยโยธี ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเAdministrative Court of Thailand
120 Moo3 Chaeng Watthana RoadSoutheast Asian Ministers of Education Organi
920 Sukhumvit Roadกรมสรรพสามิต :: Excise Department
1488 ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300ITD - International Institute for Trade and D
ชั้น 8 อาคารวิทยพัฒนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาซอย 12 ถนนพญาไท กรุงเทพฯ 103TICA - Thailand Incentive and Convention Asso
99/7 The Legacy Viphawadi Bldg.,Soi Ladprao 8, Ladprao Road, Ladyao, Chatuchak