สื่อศาล

30/12/2020

ประกาศรายชื่อผู้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้า

🌟🌟สำนักงานศาลยุติธรรมประกาศรายชื่อผู้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ ในสำนักงานศาลยุติธรรม และประกาศกำหนด วัน เวลา สถานที่ และระเบียบเกี่ยวกับการสอบ

👉🏻 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม https://bit.ly/37Z5jKw

👉🏻 ตำแหน่งเจ้าพนักงานศาลยุติธรรม https://bit.ly/2Jsnr5M
หรือ https://op.thaijobjob.com

"สำนักงานศาลยุติธรรมขอให้ผู้เข้าสอบติดตามข่าวการสอบ เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 201...

30/12/2020

ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาจำคุกไอซ์ หีบเหล็ก คดีข่มขืน-อาวุธปืน

วันนี้ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓) เวลา ๙ นาฬิกา ศาลอาญาธนบุรีนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ๕๘๖/๒๕๖๓ ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี ๒ โจทก์ นายอภิชัยหรือไอซ์ องค์วิศิษฐ์ จำเลย ข้อหาความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพ.ร.บ.อาวุธปืนฯโดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ต่อเนื่องกัน จำเลยได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนดังกล่าวข่มขืนใจให้ผู้เสียหายไปที่บ้านแล้วกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมเดิมจำเลยให้การต่อสู้คดี แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องทุกข้อหาคดีนี้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน ๕๐๘,๐๐๐ บาทแต่ระหว่างพิจารณา จำเลยได้โอนเงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่ตกลงกัน จนผู้เสียหายพอใจ จึงถอนคำร้องไปศาลสืบพยานโจทก์ปากผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว มีความเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย รวม ๑๑ ปี ๔ เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดียาเสพติดที่ศาลอาญาธนบุรีได้ตัดสินไปก่อนหน้านี้

28/12/2020

จำนำ จำนอง สองคำนี้หลายคนอาจคุ้นเคย
"จำนำ" กับ "จำนอง" ต่างกันอย่างไร??

25/12/2020

ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีอาญา ของศาลจังหวัดขอนแก่น ให้จำเลยที่ถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ผ่านการถ่ายทอดภาพและเสียง(Video Conference) ถือเป็นคดีสุดท้ายในรอบปี 2563

25/12/2020

Judge talk, just tell Ep.9 ระบบติดตามสำนวนคดีผ่านเทคโนโลยี RFID

Judge talk, just tell💥💥
Ep.9 ระบบติดตามสำนวนคดีผ่านเทคโนโลยี RFID

ดำเนินรายการโดย นางสาวเพชรรัตน์ สพรั่งผล
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา
Guest speaker นายปิยะพล สุวิมล หัวหน้าส่วนนวัตกรรม สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ
✅COJ PODCAST 🎧 ติดตามและรับฟังผ่านช่องทางที่ท่านสะดวกได้ที่...
✅▶️youtube : https://youtu.be/L-2n_cJ_3N8
✅▶️Website กองสารนิเทศฯ : https://iprd.coj.go.th/.../cat.../detail/id/10720/iid/225346
✅▶️Spotify : COJ Podcast
https://open.spotify.com/show/043Kat8AR01BDbVRkfg2MK...

https://youtu.be/L-2n_cJ_3N8

เพชรรัตน์ สพรั่งผลผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา

24/12/2020

ปริมาณคดีและการทำงานที่ผ่านมาของศาลฎีกา

22/12/2020

ศาลอาญากรุงเทพใต้เปิดศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำ และคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีอาญา เน้นให้ความรู้และคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีอาญาที่ควรได้รับตามมาตรฐานสากล

✅ วันนี้ (22 ธ.ค. 63) ศาลอาญากรุงเทพใต้เปิดศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำ และคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีอาญาศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยมีนายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฯ

⏩ การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำ และคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีอาญาศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในคดีอาญาที่ควรได้รับรู้ถึงสิทธิของตน เช่น ได้รับการชดเชย เยียวยาความเสียหายโดยผู้กระทำความผิดหรือจากรัฐ การเยียวยาทางจิตใจ ส่งต่อการรักษาพยาบาลทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ ศูนย์ให้คำปรึกษาฯ ยังมีภารกิจในการให้ความรู้ความเข้าใจถึงสิทธิต่างๆ ที่ผู้เสียหายควรได้รับตามมาตรฐานสากล โดยการนำกระบวนการเชิงสมานฉันท์มาใช้เพื่อให้ผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหรือยุติปัญหาความขัดแย้งหรือข้อพิพาทระหว่างผู้เสียหายและผู้กระทำความผิดมากยิ่งขึ้น

⏩ ทั้งนี้ การเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำ และคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีอาญาศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นการดำเนินงานตามนโยบายของนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ที่จะสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิยกระดับการคุ้มครองสิทธิแก่ผู้เสียหาย เหยื่ออาชญากรรม และพยานในคดีอาญา

22/12/2020

การ์ดไม่ตก อย่าตระหนก แต่ต้องตระหนัก พร้อมรับมือความเครียด
#COVID19 #COJ #ศาลยุติธรรม

20/12/2020

ศาลยุติธรรม ออกหนังสือเวียน ย้ำหน่วยงานในสังกัดเข้มมาตรการคัดกรองป้องกันโควิด หลังสมุทรสาครระบาดระลอกใหม่

คณะอนุกรรมการศึกษาติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ออกหนังสือเวียน ถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม ใจความว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ตลาดกุ้ง และหอพักศรีเมือง จ.สมุทรสาคร และได้มีมาตรการกำหนดพื้นที่ควบคุมโรคเด็ดขาด 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.63-3 ม.ค.64 ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรของศาลยุติธรรม จึงขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการดังนี้

1.สำรวจภายในหน่วยงานว่ามีบุคลากรในสังกัดพักอาศัย ในจ.สมุทรสาครเดินทางไปทำงานที่ศาลหรือหน่วยงานด้วยวิธีไป-กลับ หรือตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63 มีบุคลากรเดินทางไปยัง จ.สมุทรสาครหรือไม่ และให้รายงานโดยด่วน

2.กรณีมีบุคลากรที่มีความเสี่ยงตามข้อ 1 ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือผู้อำนวยการศาลแล้วแต่กรณี พิจารณาให้บุคลากรรายดังกล่าว Work from home และสังเกตอาการตนเองตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.63-3 ม.ค.64 หากพบว่ามีอาการให้รีบไปพบแพทย์ และให้รายงานศูนย์ฯ โควิด ทราบโดยเร็ว

3.ให้บุคลากรในสังกัดทุกคน ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสำนักงานศาลยุติธรรม กำหนดโดยเคร่งครัด

นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการศึกษาติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคดีฯ ยังกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการคดีและด้านอื่นๆ ของศาลชั้นต้นเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ละเดือนด้วย
สำหรับแนวปฏิบัติฯ ประจำเดือน ธ.ค.63 สามารถคลิกอ่านรายละเอียดได้ตามลิงก์นี้

https://jla.coj.go.th/th/content/category/detail/id/1601/iid/221674

18/12/2020

วันที่ 17 - 18 ธันวาคม 2563 สำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมกับ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (UNODC Regional Office for Southeast Asia and the Pacific) จัดการสัมมนาผู้พิพากษาในหัวข้อปัญหาเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีค้ามนุษย์ ที่โรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากนายอธิคม อินทุภูติ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายกมล คำเพ็ญ ประธานแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอุทธรณ์ และผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ เป็นวิทยากรและเข้าร่วมการสัมมนา การสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีค้ามนุษย์แก่ผู้พิพากษาในแต่ละภาคของประเทศไทย

18/12/2020

Law ฟัง Law เฟิร์ม ep.3 ลิขสิทธิ์เพลงใน YouTube รู้ก่อนโดนฟ้อง

COJ PODCAST🎧
ชวนมาเรียนรู้ลิขสิทธิ์เพลงใน YouTube ก่อนนำเพลงมาใช้ว่าอย่างไรที่ผิด❎และไม่ผิด✅

ในรายการ Law ฟัง Law เฟิร์ม
ep.3 ลิขสิทธิ์เพลงใน YouTube รู้ก่อนโดนฟ้อง
โดยนายวรวงศ์ อัจฉราวงศ์ชัย ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา
ติดตามและรับฟังผ่านช่องทางที่ท่านสะดวกได้ที่...

✅▶️youtube : https://bit.ly/3ahHRJF
✅▶️Website กองสารนิเทศฯ : https://iprd.coj.go.th/th/content/category/detail/id/10720/iid/224611
✅▶️Soundcloud : https://soundcloud.com/cojpodcast/law-law-ep3-youtube
✅▶️Spotify : COJ Podcast
https://open.spotify.com/show/043Kat8AR01BDbVRkfg2MK...

https://bit.ly/3ahHRJF

Law ฟัง Law เฟิร์ม ep.3 ลิขสิทธิ์เพลงใน YouTube รู้ก่อนโดนฟ้องThe Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรมGuest Host :...

16/12/2020

บทบาทของศาลกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ

16/12/2020

วีดิทัศน์แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา (ภาษาไทย)

วีดิทัศน์แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา (ภาษาไทย)

15/12/2020

สำนักงานศาลยุติธรรมประกาศขึ้นบัญชีและจัดทำทะเบียนผู้สอบผ่านภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ระดับปริญญาตรี ประจำปี พ.ศ. 2563 ของสำนักงานศาลยุติธรรม

https://op.coj.go.th/th/content/category/detail/id/24/iid/224343

15/12/2020

สรุปผลคำพิพากษา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขดำ อท.69/2563

ระหว่าง พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 โจทก์

น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วม

พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1
นายมานัส ทับทิม จำเลยที่ 2
นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ จำเลยที่ 3
นายชาติชาย เมณฑ์กูล จำเลยที่ 4
นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข จำเลยที่ 5 ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ จำเลยที่ 6

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 7 ม.ค - 5 ก.พ.63 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-6 ได้สมคบกันเพื่อทำการลักพาตัวนายวีรชัย พี่ชายของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ไปจากบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อนำไปข่มขู่ให้มีคำพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก พร้อมกับให้คืนเงินกับหุ้นในคดีทั้งหมดแก่ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งการกระทำนั้นมีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ แล้วภายหลังพบว่านายวีรชัยได้เสียชีวิตลง

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 139 , 140 วรรคแรก , 145 วรรคแรก , 146 , 199 , 289 (4)(7) , 309 วรรคแรก , 310 วรรคสอง , 313 (3) วรรคท้าย , ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ) มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง ประกอบ ป.อ.มาตรา 83 และ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 108 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ.มาตรา 91 ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำความผิดอาญานั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฯ มาตรา 108 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุดตาม ป.อ.มาตรา 90 ให้จำคุก 1 ปี , ฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น จำคุก 1 ปี , ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังถึงแก่ความตายเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพของผู้อื่นนั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตายซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต

ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ให้ลงโทษประหารชีวิต

ฐานร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดีนั้นเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.วิ.อ มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตาม ป.อ.มาตรา 9๐ จำคุก 4 ปี

โดยจำเลยที่ 1 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วน นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) ฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำความผิดอาญา จำคุก 8 เดือน , ฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น จำคุก 8 เดือน , ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ให้จำคุกตลอดชีวิต , ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ให้จำคุกตลอดชีวิต , ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดี จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว ตาม ป.อ.มาตรา 91 (3) และให้นับโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดง อ.636/2563 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ (ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.3889/2561 และคดีอาญาหมายเลขแดง อ. 3890/2561 ของศาลอาญาพระโขนงนั้นคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา)

จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ.อาญา มาตรา 289 (4)(7), 310 วรรคสอง , 313(3) วรรคท้ายประกอบมาตรา 314 , 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 ให้จำคุกตลอดชีวิต

จำเลยที่ 2 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วนนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน

จำเลยที่ 3 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 139 , 140 วรรคแรก , 199 , 289 (4)(7) , 309 วรรคแรก , 310 วรรคสอง , 313 (3) วรรคท้าย และป.วิ.อ มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง ประกอบ ป.อ.มาตรา 83

การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ.มาตรา 91 ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังถึงแก่ความตายเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพของผู้อื่นนั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต

ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ให้ประหารชีวิต , ฐานร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดี เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม ป.วิ.อ มาตรา 150 ทวิ วรรคสองซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุดตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 4 ปี

ซึ่งจำเลยที่ 3 กระทำความผิดภายในเวลา 5 ปีนับ แต่วันพ้นโทษจึงให้เพิ่มโทษฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดีด้วย 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 92 เป็นจำคุก 5 ปี 4 เดือน

ส่วนความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้นั้นไม่อาจเพิ่มโทษได้อีกตามป.อ.มาตรา 51

โดยจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ.มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ให้จำคุกตลอดชีวิต , ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ให้จำคุกตลอดชีวิต , ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดีจำคุก 2 ปี 8 ดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ตาม ป.อ.มาตรา 91 (3)

จำเลยที่ 4 และที่ 5 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 310 วรรคสอง , 313 (3) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตายซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 ลงโทษประหารชีวิต

จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วนนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกจำเลยที่ 4 และที่ 5 ตลอดชีวิตสถานเดียว

และจำเลยที่ 6 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 310 วรรคแรก , 313 (3) วรรคแรก ประกอบมาตรา 314 , 86 ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 6 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุดตามป.อ.มาตรา 90 ลงโทษประหารชีวิต

จำเลยที่ 6 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วนนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกตลอดชีวิต

อย่างไรก็ดีในการมีคำพิพากษานี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ทำความเห็นแย้งคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาสำนวนคดีนี้ แนบท้ายไว้ด้วย
สรุปว่า คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1-2 และ 4-6 เพราะจำนนต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏจากภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากพยานบุคคลต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำ รวมทั้งข้อมูลจากรายงานการสืบสวนและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวน ฝ่ายจำเลยได้ตรวจสอบและขอคัดถ่ายในชั้นตรวจพยานหลักฐานของศาล ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษให้ สำหรับจำเลยที่ 1-2, 4-6 เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้ประหารชีวิตสถานเดียว

ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิตสถานเดียว

สำหรับการทำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในคดีนี้นั้นเป็นไปตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า ประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ต้องรับผิดชอบในราชการของศาลให้เป็นไปโดยเรียบร้อย และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย โดย (1) นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆ ของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดแล้วมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ โดยความเห็นแย้งดังกล่าวจะถูกแนบไปพร้อมกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อประกอบการพิจารณา หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลสูงต่อไป