ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.

ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์)

ตำรวจไซเบอร์ เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั่วราชอาณาจักร
มุ่งเน้นในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นภัยคุกคามหลายรูปแบบที่เพิ่มขึ้นในโลกดิจิทัลปัจจุบัน การรวบรวมข้อมูล พิสูจน์หลักฐานดิจิทัล ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิด โดยบุคลากรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือพิเ

ศษและเทคนิคเฉพาะทาง ในการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
ตำรวจไซเบอร์ ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมไซเบอร์ อย่างมืออาชีพ ที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”

25/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ใช้ AI เตือนภัยภาษาจีน !!!!
3 Check เพื่อความปลอดภัยไม่ตกเป็นเหยื่อกลุ่ม Scam Center
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ฝากความห่วงใยถึงนักท่องเที่ยว “ในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพ Scam Center มักจะตั้งฐานปฎิบัติการ นอกพื้นที่ชายแดนที่ ติดกับประเทศไทย หากคุณได้รับข้อความหรือโฆษณาชวนเชื่อ ที่เกี่ยวกับการทำงานในประเทศไทย โปรดตรวจสอบข้อมูล ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเมื่อท่านเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของท่านไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่ม Scam Center เมื่อออกเดินทางทุกครั้งโปรดปฏิบัติ 3 Check ดังนี้
1. Check Up สิ่งสำคัญติดตัวไว้เสมอ
พกเอกสารประจำตัวอยู่เสมอ เช่น หนังสือเดินทาง และโทรศัพท์ควรสามารถติดต่อได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้ง เปิดระบบติดตาม หรือหากโทรศัพท์ไม่มีระบบติดตาม ให้พกพาอุปกรณ์ติดตาม ที่สามารถระบุพิกัด ไว้ที่ตัวท่านและสัมภาระของท่าน

2. Check Map ศึกษาและตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง
เปิด GPS เพื่อดูเส้นทางตลอดเวลา
ซึ่งการเดินทางในประเทศไทยอาจใช้เวลาไม่นาน ในการไปถึง ชายแดนเพื่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหตุให้ท่านอาจข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านตามช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ตั้งใจ

3. Check Call ตรวจสอบเบอร์โทรสายด่วนในกรณีฉุกเฉิน
เมื่อเจอเหตุผิดปกติ รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่หมายเลข 1178, 1155 หรือ AOC 1441 โดยทันที”
“ประเทศไทยพร้อมที่จะปกป้องนักท่องเที่ยวทุกท่าน โปรดอย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่น่าสงสัยหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าปกติ และหากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”

25/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย 3 Check ปกป้องนักท่องเที่ยว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ฝากความห่วงใยถึงนักท่องเที่ยว “ในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพ Scam Center มักจะตั้งฐานปฎิบัติการ นอกพื้นที่ชายแดนที่ ติดกับประเทศไทย หากคุณได้รับข้อความหรือโฆษณาชวนเชื่อ ที่เกี่ยวกับการทำงานในประเทศไทย โปรดตรวจสอบข้อมูล ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเมื่อท่านเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของท่านไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่ม Scam Center เมื่อออกเดินทางทุกครั้งโปรดปฏิบัติ 3 Check ดังนี้
1. Check Up สิ่งสำคัญติดตัวไว้เสมอ
พกเอกสารประจำตัวอยู่เสมอ เช่น หนังสือเดินทาง และโทรศัพท์ควรสามารถติดต่อได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้ง เปิดระบบติดตาม หรือหากโทรศัพท์ไม่มีระบบติดตาม ให้พกพาอุปกรณ์ติดตาม ที่สามารถระบุพิกัด ไว้ที่ตัวท่านและสัมภาระของท่าน

2. Check Map ศึกษาและตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง
เปิด GPS เพื่อดูเส้นทางตลอดเวลา
ซึ่งการเดินทางในประเทศไทยอาจใช้เวลาไม่นาน ในการไปถึง ชายแดนเพื่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหตุให้ท่านอาจข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านตามช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ตั้งใจ

3. Check Call ตรวจสอบเบอร์โทรสายด่วนในกรณีฉุกเฉิน
เมื่อเจอเหตุผิดปกติ รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่หมายเลข 1178, 1155 หรือ AOC 1441 โดยทันที”
“ประเทศไทยพร้อมที่จะปกป้องนักท่องเที่ยวทุกท่าน โปรดอย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่น่าสงสัยหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าปกติ และหากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #นักท่องเที่ยวปลอดภัย #ป้องกันอาชญากรรม #เที่ยวไทยอย่างปลอดภัย #ปกป้องนักท่องเที่ยว #ความปลอดภัยสำคัญ #ตรวจสอบก่อนตัดสินใจ #ไทยปลอดภัย

ตำรวจไซเบอร์ทลายฐานเว็บพนัน Leauge88 และ Lucky888 เปิดทายผลฟุตบอลออนไลน์ หน้าโรงเรียนกลางเมืองอุบลฯสืบเนื่องจากมีผู้แจ้ง...
24/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ทลายฐานเว็บพนัน Leauge88 และ Lucky888 เปิดทายผลฟุตบอลออนไลน์ หน้าโรงเรียนกลางเมืองอุบลฯ
สืบเนื่องจากมีผู้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการเปิดหน้าร้านให้ทายผลฟุตบอลผ่านเว็บพนันออนไลน์ใกล้สถานศึกษาในตัวเมืองอุบลราชธานี ประกอบกับข้อมูลจากสายตรวจไซเบอร์ ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ที่ออกตระเวนตรวจสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน โดยมุ่งเน้นสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ตามนโยบายของรัฐบาล
ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3, พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ พรมไพร รอง ผกก.2 บก.สอท.3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ทำการสืบสวนรวมรวบพยานหลักฐาน จนนำมาซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้
ต่อมาวันที่ 24 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 นำหมายค้น ศาลแขวงอุบลราชธานี ที่ 4/2568 ลง 22 ม.ค.68 เข้าค้นห้องเช่าไม่ทราบบ้านเลขที่ ซ.ธรรมวิถี 4 ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี เป็นอาคารพานิชย์ 2 ชั้น ด้านหน้าเป็นประตูกระจกติดฟิล์มทึบปกปิด ทำการเปิดรับทายผลฟุตบอลออนไลน์ ซึ่งมีประชาชนทั้งเด็ก และเยาวชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมเล่นการพนันทายผลฟุตบอลออนไลน์ได้ทุกวัน อีกทั้งยังตั้งอยู่ห่างจากสถานศึกษาในตัวเมืองอุบลราชธานี เพียงแค่ 500 ม.
จากการตรวจค้นพบนายวสันต์ (นามสมมุติ) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง ภายในร้านมีแผ่นป้ายโฆษณา ชักชวนให้เข้าเล่นการพนัน และตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการจำนวนมาก สามารถแทงทายผลการพนันได้ด้วยเงินสด
นายวสันต์ให้การยอมรับว่าเปิดร้านให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมทายผลฟุตบอลผ่านเว็บไซต์ www.Leauge88.net และเว็บไซต์ www.lucky888.com จึงตรวจยึดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 11 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 2 เครื่อง และทรัพย์สิ่งของอื่นกว่า 37 รายการ เงินหมุนเวียนกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #พนันออนไลน์ #พนันบอล

24/01/2025

Cyber Talk EP.07

ตำรวจไซเบอร์จับตัวการใหญ่ขบวนการหลอกลงทุนเงินดิจิทัล เจ้าตัวเผยทำมา 3 ปี รายได้อย่างงาม ความเสียหายกว่า 12 ล้านสืบเนื่อง...
24/01/2025

ตำรวจไซเบอร์จับตัวการใหญ่ขบวนการหลอกลงทุนเงินดิจิทัล เจ้าตัวเผยทำมา 3 ปี รายได้อย่างงาม ความเสียหายกว่า 12 ล้าน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ ว่าถูกหลอกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลผ่านเว็บ www.satang.us.to มูลค่าความเสียหายกว่า 12,000,000 บาท พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงสั่งการให้มีการปราบปรามจับกุมตัวการที่แท้จริงของขบวนการหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.ประจำ (สบ 6)ฯ รรท.ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 มอบหมายให้ พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ทำการสืบสวน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติให้ศาลออกหมายจับขบวนการดังกล่าว จนทราบถึงตัวการสำคัญ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าหนึ่งในขบวนการดังกล่าว ระดับตัวการใหญ่ คือ นายสุรพลฯ ชาว จ.จันทบุรี จึงรวบรวมพยานหลักขอหมายศาล จนศาลอนุมัติหมายจับศาลอาญา ที่ 13/2568 ลงวันที่ 2 ม.ค.68
จากการสืบสวนทราบว่านายสุรพลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ มีพฤติการณ์หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 โดยได้ทำการหลบหนีการจับกุมจากบ้านเกิด จ.จันทบุรี มาหลบซ่อนตัว ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ และในวันที่ 23 ม.ค.68 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้
นายสุรพลฯ ได้ให้การว่าได้กระทำความผิดโดยการหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวจริง เนื่องจากได้ผลตอบแทนราว 200,000 บาทต่อเดือน กระทำความผิดมาแล้วราว 3 ปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริจ หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #ไซเบอร์อรรถ #หลอกลงทุน #เงินดิจิทัล

แถลงยุทธการนครศรีลำดวนตำรวจไซเบอร์ร่วม ภ.3 ปูพรมกวาดล้างปืนเถื่อนยกจังหวัด จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ยึดปืนเถื่อนและเครื่องก...
24/01/2025

แถลงยุทธการนครศรีลำดวน
ตำรวจไซเบอร์ร่วม ภ.3 ปูพรมกวาดล้างปืนเถื่อนยกจังหวัด จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ยึดปืนเถื่อนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการลักลอบซื้อขายอาวุธปืนทางออนไลน์ และการครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย อีกทั้ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. มีนโยบายโครงการสายตรวจไซเบอร์ ตรวจสอบการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆทางออนไลน์ เพื่อลดภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุวัยรุ่นไล่ยิงกันหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย ซึ่งภายหลังสามารถจับตัวคนก่อเหตุได้แล้วนั้น และสืบทราบว่าอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ สั่งซื้อมาจากอินเตอร์เน็ต จึงได้มีการสนธิกำลังตำรวจภูธรภาค 3 และประสานการปฏิบิตกับตำรวจในพื้นที่ ดำเนินการปูพรมกวาดล้าง เพื่อลดการเกิดอาชญากรรมและการกระทำผิดกฏหมายในพื้นที่
กก.3 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ศรีสะเกษ และ สภ.ในสังกัด ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดปฏิบัติการ “ยุทธการนครศรีลำดวน” นำหมายค้นเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน วันที่ 23 มกราคม 2568 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 7 จุด สรุปผลการปฏิบัติเบื้องต้นดังนี้
1. เป้าหมายในเขตพื้นที่ สภ.หนองไฮ สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย และ ยึดของกลาง ดังนี้
- ลำกล้องปืนลูกซองยาว จำนวน 1 ชิ้น (ขยายผลจากข้อมูลพัสดุที่มีการสั่งซื้ออาวุธปืนทางออนไลน์ของ บช.สอท.)
- อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 3 กระบอก
- อาวุธปืนสั้น ขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก
- อาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอก
- อาวุธปืนสั้น ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก
- อาวุธปืนสั้น ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
- เครื่องกระสุนปืนขนาด .357 แม็คนั่ม จำนวน 12 นัด
- เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 70 นัด
- เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 16 นัด
- เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 25 นัด
- แม็กกาซีนปืน จำนวน 21 ชิ้น
- สปีดโหลดปืนลูกโม่ จำนวน 6 อัน
2. เป้าหมายในเขตพื้นที่ สภ.โดนเอาว์ สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย และ ยึดของกลาง ดังนี้
- อาวุธปืนลูกซองยาว(ปืนอัดลม) จำนวน 1 กระบอก
3. เป้าหมายในเขตพื้นที่ สภ.ภูสิงห์ สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย และ ยึดของกลาง ดังนี้
- อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก
- เครื่องกระสุนปืน ลูกซอง จำนวน 8 นัด
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า อาวุธปืนเถื่อนนั้นมีการกระจายซื้อขายกันในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่ชอบสะสมปืน ซึ่งในเรื่องการป้องกันการขายอาวุธปืนออนไลน์ นั้นจะได้มีตำรวจตรวจสอบการกระทำผิด หากพบก็จะดำเนินการสืบสวนและจับกุมมาดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยประชาชนที่พบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1441 เพื่อเป็นเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #ไซเบอร์อรรถ #ปืนเถื่อน #ศรีสะเกษ

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย 3 Check ปกป้องนักท่องเที่ยว พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโล...
24/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย 3 Check ปกป้องนักท่องเที่ยว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ฝากความห่วงใยถึงนักท่องเที่ยว “ในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพ Scam Center มักจะตั้งฐานปฎิบัติการ นอกพื้นที่ชายแดนที่ ติดกับประเทศไทย หากคุณได้รับข้อความหรือโฆษณาชวนเชื่อ ที่เกี่ยวกับการทำงานในประเทศไทย โปรดตรวจสอบข้อมูล ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเมื่อท่านเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของท่านไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่ม Scam Center เมื่อออกเดินทางทุกครั้งโปรดปฏิบัติ 3 Check ดังนี้
1. Check Up สิ่งสำคัญติดตัวไว้เสมอ
พกเอกสารประจำตัวอยู่เสมอ เช่น หนังสือเดินทาง และโทรศัพท์ควรสามารถติดต่อได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้ง เปิดระบบติดตาม หรือหากโทรศัพท์ไม่มีระบบติดตาม ให้พกพาอุปกรณ์ติดตาม ที่สามารถระบุพิกัด ไว้ที่ตัวท่านและสัมภาระของท่าน
2. Check Map ศึกษาและตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง
เปิด GPS เพื่อดูเส้นทางตลอดเวลา
ซึ่งการเดินทางในประเทศไทยอาจใช้เวลาไม่นาน ในการไปถึง ชายแดนเพื่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหตุให้ท่านอาจข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านตามช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ตั้งใจ
3. Check Call ตรวจสอบเบอร์โทรสายด่วนในกรณีฉุกเฉิน
เมื่อเจอเหตุผิดปกติ รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่หมายเลข 1178, 1155 หรือ AOC 1441 โดยทันที”
“ประเทศไทยพร้อมที่จะปกป้องนักท่องเที่ยวทุกท่าน โปรดอย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่น่าสงสัยหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าปกติ และหากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #เตือนภัยชาวต่างชาติ

ตำรวจไซเบอร์ทลายคลังบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางกว่า 2 หมื่นชิ้นตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได...
22/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ทลายคลังบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางกว่า 2 หมื่นชิ้น
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์
และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 22 ม.ค.68 เวลา 17.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท. รอง ผบช.สอท., พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.2 และ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รอง ผบก.สอท.3 รรท.ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางหลายรายการ
สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้เร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.สอท. แต่งตั้งคณะทำงานในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวให้สำเร็จเป็นรูปธรรม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบพบไลน์ ชื่อ “Peaceful” มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดต่างๆ ได้แก่ ชนิดใช้แล้วทิ้ง ชนิดเติมน้ำยา ขวดน้ำยา และ หัวพอด รวมทั้งอะไหล่ ผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้วางแผนทำการล่อซื้อ และทำการสืบสวนเพิ่มเติม พบ จุดพักสินค้า จึงนำไปสู่
การตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด และจับกุมผู้กระทำความผิด ดังนี้
จุดที่ 1 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 35/2567 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ไม่พบผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว จึงให้นิติบุคคลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง ได้แก่
- ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 100 ชิ้น
- คอมพิวเตอร์ Laptop จำนวน 1 เครื่อง
จุดที่ 2 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ถ.เลียบคอลง 7 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 36/2568 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายประดิษฐ์ อายุ 43 ปี และ น.ส.วาทิณี อายุ 49 ปี
แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง รับว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นพนักงานส่งสินค้า ผลการตรวจค้นพบกลางเบื้องต้น ได้แก่
- บุหรี่ไฟฟ้า และ หัวพอด รวมจำนวน 13,166 ชิ้น
- หัวพอด จำนวน 5,932 ชิ้น
- น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,000 ชิ้น
รวมของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด จำนวน 20,198 ชิ้น
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงขอฝากเตือนมายังพี่น้องประชาชน ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้า ที่ถูกลักลอบนำเข้าและมีการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จึงไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
“กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า”
* คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่ง ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า "บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ฯ" โดยผู้ใดขายหรือให้บริการ มีความผิดตามมาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า”
* เป็นความผิดตามมาตรา 20 แห่งพ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้าฯ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ
** ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้ง สิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดฯ นั้นด้วย
*** เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า”
* เป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดฯ ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ฯ
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #บุหรี่ไฟฟ้า #บารากู่

ตำรวจไซเบอร์จับกุมเว็บพนันรายใหญ่ PG Slot 99พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้าน ใช้บริษัททิพย์บังหน้าฟอกเงินตามนโยบาย นางสาวแพท...
22/01/2025

ตำรวจไซเบอร์จับกุมเว็บพนันรายใหญ่ PG Slot 99
พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้าน ใช้บริษัททิพย์บังหน้าฟอกเงิน
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์
และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 22 ม.ค.68 เวลา 17.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท. รอง ผบช.สอท., พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.2 และ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รอง ผบก.สอท.3 รรท.ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมเว็บพนันรายใหญ่ PG Slot 99 พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้าน ใช้บริษัททิพย์บังหน้าฟอกเงิน
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รรท.ผบก.สอท.5 เร่งรัดปราบปรามเครือข่ายการพนันออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาดและมอมเมาประชาชน ต่อมา พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สืบสวนพบเว็บไซต์การพนันเครือข่าย pgslot99.world มีการโฆษณาชักชวนให้เล่นพนันและร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์โดยผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเบื้องต้นพบว่า เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์การพนันรายใหญ่ที่มีลักษณะเป็นขบวนการ มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 500 ล้านบาทต่อปี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ รวมทั้งสิ้น 15 หมายจับ ได้แก่ แอดมินดูแลเว็บไซต์ แอดมินดูแลบัญชี ผู้ทำหน้าที่บริหารการเงิน ผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสด เจ้าของบัญชีม้า และยังมีนิติบุคคลที่เป็นบริษัททิพย์ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้ารับโอนเงินเพื่อฟอกเงิน โดยไม่ได้มีการประกอบกิจการอยู่จริง
ต่อมาวันนี้ 22 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นจากศาล เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ นายณัฐพล และ นายเมษา (สงวนนามสกุล) ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนเบิกเงินสดและนำไปฟอกเงินเข้าบัญชีอื่น จากการตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหาทั้ง 2 ย่านบางกะปิ พบของกลางประกอบด้วย
1. เงินสด 939,000 บาท
2. สร้อยคอทองคำ และทองคำแท่ง น้ำหนักร 2 บาท มูลค่าประมาณ 90,000 บาท
3. สมุดบัญชีธนาคาร 15 เล่ม
4. บัตรกดเงินสด (บัตร ATM) จำนวน 31 ใบ
5. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
6. Tablet 1 เครื่อง
7. เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เป็นคนกดเงิน โดยช่วงเช้าของแต่ละวันจะได้รับคำสั่งให้ไปถอนเงินจากเคาน์เตอร์ธนาคาร ครั้งละประมาณ 1-2 ล้านบาท เมื่อเบิกเงินมาแล้วตนจะนำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารตามที่ได้รับคำสั่งมา โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือนละ 50,000 บาท จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการรายอื่นที่ยังหลบหนีและอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปยังผู้รับผลประโยชน์ เพื่อจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยคาดว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายเร็วๆนี้
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #พนันออนไลน์ #ฟอกเงิน #บัญชีม้า

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย ภารกิจล่าเหรียญ Jagat เสี่ยงติดคุก หากเล่นไม่ยั้งคิดสืบเนื่องจากห้วงที่ผ่านมา ได้มีประชาชนจำนวนมากร...
22/01/2025

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย ภารกิจล่าเหรียญ Jagat เสี่ยงติดคุก หากเล่นไม่ยั้งคิด
สืบเนื่องจากห้วงที่ผ่านมา ได้มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนพฤติกรรมของประชาชนบางกลุ่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับการเชิญชวนทางสื่อสังคมออนไลน์ ให้เข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญ Jagat ซึ่งจะสามารถนำเหรียญที่พบไปแลกเป็นเงินสดได้ แต่กลับพบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนมีพฤติกรรมในการตามหาเหรียญ Jagat ซึ่งซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ ในลักษณะที่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญในการดำรงชีวิตประจำวันและมีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา
“Jagat” คือ แพลตฟอร์มจากประเทศอินโดนีเซีย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ฟีเจอร์ “Jagat Coin Hunt” ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ล่าสมบัติในโลกเสมือนจริง รวบรวมเหรียญและรางวัลที่สามารถแปลงเป็นมูลค่าในโลกความจริงได้ โดยการผสมผสานเทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) เกม และบล็อกเชนเข้าด้วยกัน ด้วยรูปแบบการเล่นที่โต้ตอบได้และโอกาสในการรับรางวัลเป็นเงินจริงๆ Jagat Coin Hunt จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผู้เล่นสามารถออกสำรวจสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ และค้นหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลไปพร้อมกัน ทำให้เกมนี้เป็นมากกว่าเกมทั่วไป
สำหรับในประเทศไทย แอปฯ Jagat เปิดให้เล่นในสถานที่สาธารณะ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และ ชลบุรี (พัทยา) และมีผู้ใช้งานออกมายืนยันว่าได้รับเงินจริง โดยเหรียญจะมีทั้งหมด 3 สี คือ เหรียญทองแดง มูลค่า 500 - 2,000 บาท เหรียญเงิน มูลค่า 20,000 บาท และ เหรียญทองมูลค่าถึง 200,000 บาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ และความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Jagat จะต้องมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและยังสามารถเข้าถึงพิกัดของผู้เล่นได้ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รรท.ผบก.สอท.5 เร่งรัดตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน Jagat ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมล่าเหรียญ Jagat ว่ามีความปลอดภัยและได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง รอง ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังชุดปฏิบัติการ จ.ภูเก็ต ออกตรวจสอบจุดที่มีการแสดงพิกัดของเหรียญในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พบมีชายวัยรุ่น 2 คน มาตามหาเหรียญ โดยแจ้งว่าทราบกิจกรรมดังกล่าวจากสังคมออนไลน์ จึงออกติดตามหาเหรียญแต่ไม่พบ จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฏหมายและวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก่อนที่วัยรุ่นดังกล่าวจะเดินทางกลับ และยังได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต ในการวางมาตรการดูแลความปลอดภัย และให้ความรู้กับประชาชนที่ร่วมกิจกรรม เพื่อให้ปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง
ตำรวจไซเบอร์ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนว่า การเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงท่านอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #เตือนภัยออนไลน์ #บุกรุก

ตำรวจไซเบอร์ขอเตือน โพสต์ & แชร์ไม่คิด ผิดกฎหมายไม่แนะนำ และสนับสนุนให้โพสต์หรือแชร์ Content ที่เนื้อหามีความรุนแรงเข้าข...
21/01/2025

ตำรวจไซเบอร์ขอเตือน โพสต์ & แชร์ไม่คิด ผิดกฎหมาย
ไม่แนะนำ และสนับสนุนให้โพสต์หรือแชร์ Content ที่เนื้อหามีความรุนแรง
เข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14
แจ้งเบาะแส โทร.สายด่วน 1441 หรือผ่าน Line Official ในเมนูแจ้งข้อมูลมิจฉาชีพ
ตำรวจไซเบอร์พึ่งพาได้ ลดภัยอาชญากรรมออนไลน์ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #เตือนภัยออนไลน์

20/01/2025

รายการ Cyber Police Channel
ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568
วันนี้ "ผู้การแจ้" มาเตือนภัย เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยความห่วงใย อยากให้ทุกคน เอ๊ะ !! บ่อยๆ และที่สำคัญ ต้อง "ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน"
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ตำรวจไซเบอร์"
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์

ผบช.ตำรวจไซเบอร์ ให้การต้อนรับ ผอ.Socnet จากสหราชอาณาจักร ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และเสริมสร้างความร่วมมือในอนาคตพล.ต.ท.ไ...
20/01/2025

ผบช.ตำรวจไซเบอร์ ให้การต้อนรับ ผอ.Socnet จากสหราชอาณาจักร ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และเสริมสร้างความร่วมมือในอนาคต
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.และผู้บังคับบัญชาในสังกัด บช.สอท. เข้าร่วมให้การต้อนรับ คุณร็อบ คลาร์ก ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค หน่วยเครือข่ายต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ กระทรวงการต่างประเทศ สหราชอาณาจักร (Serious Organised Crime Network (Socnet)) พร้อมคณะ
ในโอกาสที่เดินทางมาเยี่ยมคารวะ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ ห้องคริปโตแลป ชั้น 5 บก.ตอท.
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท

ตำรวจไซเบอร์รวบเอเย่นต์บัญชีม้าคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกย่าหลาน สารภาพพาคนไปสแกนหน้าที่กัมพูชาเดือนละ 30 คนสืบเนื่องจากตำรวจไซ...
20/01/2025

ตำรวจไซเบอร์รวบเอเย่นต์บัญชีม้าคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกย่าหลาน สารภาพพาคนไปสแกนหน้าที่กัมพูชาเดือนละ 30 คน
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ได้ขยายผลเพิ่มเติมในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงย่าและหลานชายวัย 17 ปี โอนเงิน 3,412,642 บาท ตามที่ได้นำเสนอข่าวออกไปก่อนหน้านี้ โดยออกหมายจับเพิ่ม 2 ราย และจับกุมเพิ่มอีก 1 ราย พบเป็นคนรับงานจากเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้าและพาไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา
พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 11 ราย ซึ่งที่ผ่านมาติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย รายล่าสุดได้จับกุม นายมารุดฯ หนึ่งในผู้ต้องหาบัญชีม้า ได้ให้การว่า น.ส.พิมพันธ์ฯ เป็นคนพาไปเปิดบัญชีธนาคาร และลงแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงให้รถมารับ นายมารุดฯ และคนที่จะไปทำงานสแกนหน้าที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 สืบสวนจนทราบว่า น.ส.พิมพันธ์ฯ หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่
ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว และสามารถจับกุม น.ส.พิมพันธ์ฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ กก.1 บก.สอท.3
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.พิมพันธ์ฯ ให้การว่า มีเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้าส่งมาให้ตนเป็นคนพาไปเปิดบัญชี จากนั้นเอเย่นต์ดังกล่าวจะส่งรถมารับคนไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก เพื่อพาข้ามไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปต โดยทำมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 จากคำแนะนำของคนที่รู้จักทางเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งในหนึ่งเดือนจะส่งคนไปทำงานที่ฝั่งปอยเปตประมาณ 20 – 30 คน และจากการตรวจสอบจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของ น.ส.พิมพันธ์ฯ อีกถึง 29 เคสไอดี
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.3 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์
กก.1 บก.สอท.3 สะสางคดีดังกล่าวให้ถึงที่สุด สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนี ยืนยันว่าจะเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #แก๊งคอลเซ็นเตอร์

7 มุกยอดฮิต ของแก๊งมิจฉาชีพ เจอแล้ว เอ๊ะ! ไว้ก่อนเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาด...
20/01/2025

7 มุกยอดฮิต ของแก๊งมิจฉาชีพ เจอแล้ว เอ๊ะ! ไว้ก่อน
เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีรูปแบบไหนบ้าง ที่ควรระมัดระวัง
1.หลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ
2.หลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการ
3.หลอกให้โอนเงินเพื่อความบริสุทธิ์ใจ
4.หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล
5.หลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียม
6.หลอกให้โอนเงินเพื่อปลดล๊อกบัญชี
7.หลอกให้โอนเงินเพื่อซื้อสินค้า บริการที่ไม่มีจริง
ตำรวจไซเบอร์พึ่งพาได้ ลดภัยอาชญากรรมออนไลน์ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th หรือ โทร.สายด่วน 1441
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #เตือนภัยออนไลน์ #มิจฉาชีพ

18/01/2025

"ไซเบอร์อรรถ" ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์
ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมกิจกรรม ทำแบบทดสอบวัคชีนไซเบอร์
ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมกิจกรรม ทำแบบทดสอบวัดความรู้ภัยไซเบอร์ 20 ข้อ ในเดือน มกราคม 2568
มาลุ้น 10 รางวัลกันอีกครั้งในเดือนถัดไป
ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน แคล้วคลาดจากภัยไซเบอร์
ตำรวจไซเบอร์พึ่งพาได้ ลดภัยอาชญากรรมออนไลน์ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน
แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th หรือ โทร.สายด่วน 1441
#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #ไซเบอร์อรรถ #วัคซีนไซเบอร์

๑๘ มกราคม ๒๕๖๘วันกองทัพไทยเป็นวันที่ระลึกในวาระที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาทรงก...
18/01/2025

๑๘ มกราคม ๒๕๖๘
วันกองทัพไทย
เป็นวันที่ระลึกในวาระที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา
ทรงกอบกู้เอกราชและประกาศอิสรภาพให้ไทยพ้นจากการเสียกรุงครั้งที่ ๑
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ข้าราชการตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
#วันกองทัพไทย
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจไซเบอร์

หนุ่มๆเข้าห้องน้ำสาธารณะต้องระวัง!!  ตำรวจไซเบอร์รวบจอมแอบถ่ายลงขายกลุ่มลับ คนตกเป็นเหยื่อเพียบ ทำมา 1 เดือน กวาดรายได้ม...
18/01/2025

หนุ่มๆเข้าห้องน้ำสาธารณะต้องระวัง!! ตำรวจไซเบอร์รวบจอมแอบถ่ายลงขายกลุ่มลับ คนตกเป็นเหยื่อเพียบ ทำมา 1 เดือน กวาดรายได้มากกว่าแสนบาท
สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ได้ตรวจสอบพบบัญชีโซเชียลเอ็กซ์ (X) ได้โพสต์ภาพลามกอนาจารลักษณะแอบถ่ายในห้องน้ำสาธารณะ และเชิญชวนให้จ่ายเงินเพื่อเข้ากลุ่มลับเพื่อดูคลิปเต็ม โดยให้จ่ายค่าเข้ากลุ่มลับเป็นซองทรูมันนี่ราคา 299 บาท
ภายหลังจากโอนเงินและได้เข้ากลุ่มเทเลแกรมแล้ว พบสื่อลามกอนาจารแอบถ่ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นชายจำนวนมาก จากการตรวจสอบผู้รับเงินพบว่าคือนายณัฏฐ์ฯ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต เร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาได้
ต่อมาวันที่ 17 ม.ค. 2568 เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตป.รรท.ผบก.ตอท., พ.ต.อ.ไพโรจน์ หมื่นกล้าหาญ รอง ผบก.ตอท., พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิชิต เอียงสา รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, พ.ต.ท.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.ฯ, ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ ตั้งใจเพียร รอง สว.ฯ, ด.ต.ณัฐชนน ผาลี ผบ.หมู่ฯ และ ด.ต.ปกรณ์ สังคะรัศมี ผบ.หมู่ฯ ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญา ที่ ค.7/2568 ลงวันที่ 16 ม.ค.68 เข้าตรวจค้น ห้องพักในเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ พบนายนายณัฏฐ์ฯ อายุ 28 ปี นำตรวจค้น พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง แทปเล็ทจำนวน 1 เครื่อง และสมุดบัญชีที่ใช้รับผลประโยชน์จำนวน 1 เล่ม
จากการตรวจสอบของกลาง ผู้ถูกจับให้การว่าบัญชีเอ็กซ์ที่ใช้โฆษณาชักชวนเข้ากลุ่มได้ถูกปิดไปแล้ว ปัจจุบันได้เปิดบัญชีใหม่ พบบัญชีเทเลแกรมที่ใช้เป็นแอดมินกลุ่มในการเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร และไฟล์บนแอปพลิเคชันกูเกิ้ลไดร์ฟจำนวนกว่า 3,000 ไฟล์ มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 40 คน ผู้ถูกจับให้การว่าวิดิโอลามกทั้งหมดตนได้ทำการตระเวนแอบถ่ายในห้องน้ำสาธารณะด้วยตนเอง และนำมาเผยแพร่ต่อในกลุ่มลับของตน โดยทำมาแล้วประมาณ 1 เดือน รายได้มากกว่า 100,000 บาท
ตำรวจไซเบอร์จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นบุคคลใดมีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามกเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือมีพฤติกรรมซื้อขายสื่อลามกออนไลน์ กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณี
#ตำรวจไซเบอร์ #ไซเบอร์อรรถ #แอบถ่าย #กลุ่มลับ

ที่อยู่

CYBER CRIME INVESTIGATION BUREAU 904 Ban Mai, Pak Kret
Nonthaburi
11120

เบอร์โทรศัพท์

+6625044850

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์